“การที่จะทำอะไรให้สำเร็จ ต้องเริ่มจากความฝัน แต่ก่อนจะไปถึงจุดที่ความฝันจะสำเร็จได้ เราต้องมีแรงบันดาลใจ มีความมุ่งมั่น และที่สำคัญคือความอดทน…” ...เป็น “ปัจจัยความสำเร็จ” ของตนเอง…ของชายที่ชื่อเล่นว่า “หรั่ง” หรือ “ดร.วิกร ภูวพัชร์” ซึ่งด้วยปัจจัยที่ยึดมั่นเป็นแนวคิด…เขาคนนี้ก็ประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างน่าสนใจ และก็น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ด้วย ซึ่งวันนี้เราจะชวนมาดูเรื่องราวชีวิตบางแง่มุมของชายคนนี้กัน…
เรื่องราวชีวิตของ ดร.วิกร ภูวพัชร์ ที่สะท้อนผ่านทาง “ทีมวิถีชีวิต” นั้น…พื้นเพเขาเป็นคนกรุงเทพฯ มี “ชีวิตผูกพันกับนํ้า” มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งแม้ว่าสมัยเด็กตอนอายุ 1 ขวบ เคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตกลงไปในนํ้า และได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาจนปลอดภัย แต่เขาก็ไม่ได้กลัวเรื่องนํ้า กลับเติบโตขึ้นมาโดยชอบกิจกรรมทางนํ้าทุกประเภท ทั้งนี้ เขาคนนี้มีดีกรีการศึกษาปริญญาเอก บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง และก่อนหน้านั้นเรียนจบจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งช่วงชีวิตตั้งแต่สมัยเรียนในตอนนั้นก็ถือเป็นช่วงเริ่มฝันสู่ความสำเร็จ
ดร.วิกร ที่วันนี้เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เล่าย้อนเรื่องราวชีวิตไว้ว่า…เส้นทางในปัจจุบันของเขาแม้จะบรรลุความวาดหวังส่วนหนึ่ง แต่ตลอดเส้นทางก็ต้องผ่านอุปสรรคความยากลำบากต่าง ๆ มามากมาย ซึ่งต้องอาศัยความอดทน ความขยัน… “ส่วนหนึ่งได้มาจากการซึมซับจากประสบการณ์การทำงานของคุณพ่อในช่วงที่ทำธุรกิจสวนผัก ที่สอนให้เรารู้จักคุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ด้วย และปัจจัยความสำเร็จอีกส่วนหนึ่งคือการทำกิจกรรม โดยส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องทำกิจกรรม เพราะช่วยฝึกให้เรารู้จักการบริหารคน มีความอดทน…
และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการมีความฝัน“
หลังเรียนจบที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เขาทำงานเป็นวิศวกรฝ่ายขายในบริษัทที่ทำธุรกิจระบบบำบัดนํ้าและหม้อไอนํ้า ซึ่งการทำงานทำให้ได้เรียนรู้ การผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ก็สั่งสมเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกส่วน เสริมประสบการณ์ที่มีอยู่เดิม โดยเขาเล่าย้อนว่า…ตั้งแต่สมัยเรียน การร่วมกิจกรรมต่าง ๆ มีประโยชน์ในการช่วยฝึกการทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งเขาเข้าร่วมทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง ได้เป็นประธานนักศึกษาปริญญาโท ได้รับเลือกเข้าโครงการช้างเผือก ได้รับรางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์จากสถาบันเยาวชนแห่งชาติ ฯลฯ
“ตั้งแต่สมัยเรียนก็คิดอยากมีรายได้ให้ครอบครัว จึงทำงานควบคู่กับเรียนตั้งแต่เป็นนักศึกษาปี 3 ช่วงนั้นที่บ้านไปซื้อที่ดินทำบ่อปลา ทำให้มีโอกาสได้คุยกับคนในพื้นที่ จึงมีแนวคิดหารายได้โดยรับจ้างซื้ออาหารปลาจากเอเย่นต์รายใหญ่ที่นครปฐมมาส่งให้เจ้าของบ่อปลา ได้ผ่อนรถกระบะคันแรกเพื่อใช้รับ-ส่งอาหารปลาทุกเสาร์-อาทิตย์ จนเรียนจบ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในความภูมิใจที่เราสามารถมีรถขับเองได้ตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่“
เมื่อทำงานประจำหลังเรียนจบ รายได้ช่วงนั้นก็ถือว่าดี แต่เขาก็อยากเพิ่มพูนความรู้ อยากมั่นคงมากขึ้น จึงศึกษาต่อปริญญาโทภาคพิเศษสาขาบริหารธุรกิจ และจากการมีโอกาสศึกษา Case Study ของ Dell Computer ที่ผู้ก่อตั้งคือ ไมเคิล เดลล์ ได้เริ่มก่อตั้งธุรกิจตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี นี่ได้ “จุดประกายความฝัน” ทำให้เขาอยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง
และเมื่อเรียนจบปริญญาโท เป็นช่วงก่อนเกิด “วิกฤติต้มยำกุ้ง” แม้เศรษฐกิจจะเริ่มไม่ดี แต่เขาก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำและเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวด้วยทุนเริ่มต้น 1 แสนบาท โดยเปิดบริษัท ฟังก์ชั่น เทรดดิ้ง จำกัด นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องกรองนํ้าในครัวเรือน และถือเป็นรายแรกที่นำเครื่องประเภท RO เข้ามาทำตลาดในไทย ต่อมาในปี 2541 เป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจจากวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งเขาบอกว่า… “การวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา“ และเขาก็ประคองธุรกิจให้รอดได้ แถมในช่วงนั้นเขายังเริ่มฝันว่าธุรกิจจะต้องมียอดขายได้ถึง 100 ล้านบาท ซึ่งอีก 3 ปีต่อมายอดก็ทะลุเลยฝัน และล่วงเลยเรื่อยมาถึงปัจจุบันก็มีการคาดว่าจะเติบโตเป็นหลักพันล้านในอนาคตอันใกล้
ในวันนี้ “ดร.หรั่ง-ดร.วิกร“ คนนี้ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จน่าสนใจ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รวมถึงบริษัท ฟังก์ชั่น มารีน จำกัด และบริษัท ศรีชงโค จำกัด ซึ่งทุกบริษัท “เกี่ยวพันกับนํ้า” คือธุรกิจเครื่องกรองนํ้า-ระบบนํ้าแบบครบวงจร รวมถึงธุรกิจจำหน่ายเรือ และธุรกิจรีสอร์ท Lake Heaven, Heaven Bay, Heaven Kwai ซึ่งก็ล้วนเกี่ยวพันกับแหล่งท่องเที่ยวทางนํ้า
เหล่านี้ยืนยัน “ชีวิตผูกพันกับนํ้า” ของเขา…
ดังที่เขาได้บอกเล่าไว้ว่า…สมัยเด็กตอนอายุ 1 ขวบ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตกลงไปในนํ้า แต่จากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ไม่ได้ทำให้กลัวนํ้า “พอเติบโตขึ้นมาก็ชอบอะไรที่เกี่ยวกับนํ้าทั้งหมด ชอบกิจกรรมทางนํ้าทุกประเภท“ ซึ่งแม้ด้วยความพร้อมที่มีจะทำให้มีกิจกรรมรีแล็กซ์สำหรับชีวิตอย่างหนึ่งคือ “ชอบสะสมนาฬิกา” แต่ก็จะซื้อแค่ปีละ 1 เรือน และก็มีมุมมองว่านี่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอีกอย่างหนึ่ง ส่วนกิจกรรมทางนํ้าต่าง ๆ นั้นก็ยังชื่นชอบไม่สร่างซา โดยกับกิจกรรมทางนํ้าที่เน้นหน่อยก็คือ “ชอบดำนํ้า” แต่ไม่เท่านั้น…ในขณะเดียวกันเขาก็ยังชอบการขับมอเตอร์ไซค์ด้วย
“สำหรับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ชอบขับแบบจริงจังกับกลุ่มเพื่อนรู้ใจมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อจะได้สัมผัสชีวิตของผู้คนที่อยู่ริมถนน ทำให้ได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ และพบเจอกับวิถีชีวิตแบบใหม่” …เขาให้เหตุผลไว้ว่าทำไมถึงแบ่งใจชอบกิจกรรมขับมอเตอร์ไซค์ แม้ว่าตั้งแต่วัยเด็กมาแล้วที่เขาชื่นชอบกิจกรรมทางนํ้า ชอบการดำนํ้ามาจนถึงวันนี้
ทั้งนี้ “เบื้องหลังความสำเร็จ” ของการทำธุรกิจใดก็ตาม เบื้องหลังความสำเร็จของนักธุรกิจรายใดก็ตาม แน่นอนว่าย่อมประกอบด้วยเรื่องราว-องค์ประกอบต่าง ๆ มากมาย แน่นอนว่าย่อมต้องยึดโยงกลยุทธ์ทางธุรกิจต่าง ๆ ไม่น้อย อย่างไรก็ดี สำหรับเขาคนนี้… “ดร.วิกร ภูวพัชร์“ ดู ๆ แล้ว “ชีวิตผูกพันกับนํ้า-ชอบนํ้า” ก็เป็นประเด็นสำคัญในเบื้องหลัง
และที่ยิ่งสำคัญ…ก็คงจะเป็น “ปัจจัยความสำเร็จ” ที่เขาบอกเล่าไว้ คือ… “การที่จะทำอะไรให้สำเร็จ ต้องเริ่มจากความฝัน แต่ก่อนจะไปถึงจุดที่ความฝันจะสำเร็จได้ เราต้องมีแรงบันดาลใจ มีความมุ่งมั่น และที่สำคัญคือความอดทน…” ซึ่งเขาคนนี้ก็ยังได้บอกเล่าในเชิงแบ่งปันมุมมองแนวคิดไปถึงผู้อื่นไว้ด้วยว่า… สิ่งที่ทำให้เขามาถึงวันนี้ได้มาจากองค์ความรู้ ผนวกกับการทำงานหนัก อัพเดทตัวเอง-พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงได้
“ปัจจัยสำคัญคือเราต้องมองภาพให้ออก ทุกธุรกิจล้วนมีโอกาส เราต้องมุ่งเติบโตในสิ่งที่เรามองเห็น ทำในสิ่งที่เราถนัดก่อนสิ่งที่ชอบ…“ …นี่โฟกัสที่เรื่องการทำธุรกิจ ขณะที่เรื่องการใช้ชีวิตนั้น… “เราต้องอดทนต่อสิ่งรอบข้าง รวมทั้งการอดทนต่อตัวเราเอง รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน ดำเนินชีวิตไปตามจังหวะเวลาที่ถูกต้อง เวลาที่เราลำบากให้นึกถึงว่ายังมีคนที่ลำบากกว่าเรามาก และปัญหาที่ผ่านเข้ามาก็ทำให้เราได้เรียนรู้…
ทำให้ชีวิตเราได้สั่งสมประสบการณ์“.
‘รู้จักใช้ชีวิต’ ต้อง ‘รู้จักใช้เงิน’
เมื่อประสบความสำเร็จ “ดร.หรั่ง-ดร.วิกร“ ก็ให้ความสำคัญกับสังคมด้วย โดยที่ผ่าน ๆ มาก็ได้มีการใช้งบ-ใช้เงินสนับสนุนสังคม สนับสนุนกิจกรรมทั้งที่เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี และเป็นการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งในส่วนประชาชน-ชุมชน พระสงฆ์-วัด และนักเรียน-โรงเรียน รวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ “เกี่ยวกับน้ำ” ก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกับการทำธุรกิจและการใช้ชีวิต… และเรื่องใช้เงินในจุดนี้นี่ก็อาจเกี่ยวอยู่ด้วยไม่มากก็น้อยกับสิ่งที่เขาคนนี้ฝากแนะนำถึงคนรุ่นใหม่ ๆ ไว้ว่า… “ผมคิดว่าการสร้างความมั่นคงของชีวิตจะต้องเริ่มจากวางแผนใช้เงินที่ชัดเจน เงินที่หามาได้ควรนำไปลงทุนอะไร ใช้จ่ายอะไรบ้าง… ก่อนซื้ออะไรต้องเลือกว่าของสิ่งนี้ไม่ขาดทุน… การทำงานไม่ใช่ว่าทำงานแล้วเก็บเงินอย่างเดียว เพียงแต่ต้องรู้จักใช้ชีวิตและรู้จักใช้เงินอย่างถูกต้องและเหมาะสม“.
‘ทีมสกู๊ปเดลินิวส์’
