เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 9 ก.ค. พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ ผกก.สน.ลาดพร้าว ออกตรวจพื้นที่ รับแจ้งเหตุหญิงจะกระโดดที่สูง เหตุเกิดคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แยก 36 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยหัวหมาก พร้อมเบาะลม

ที่เกิดเหตุเป็นที่พักอาศัยที่อาคารดี สูง 9 ชั้น พบหญิง อายุประมาณ 40 ปี นั่งอยู่คอมเพรสเซอร์แอร์ตั้งติดอยู่กับขอบหน้าต่างห้อง ชั้น 7 หันหน้าเข้าห้อง มือจับลูกชาย อายุ 8 ขวบ ลูกครึ่งเกาหลีใต้ ที่ยืนอยู่ที่พื้นภายในห้อง หญิงดังกล่าวมีอาการคลุ้มคลั่งพูดจาโวยวาย พ.ต.อ.รุ่งสกุล พร้อมกำลังเข้าเจรจาเกลี้ยกล่อม นานเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนฉวยโอกาสหญิงดังกล่าวไม่ทันระวังตัว เข้าชาร์จควบคุมตัวไว้ได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก

น.ส.นัชชา เดชบุญ อายุ 20 ปี กล่าวว่า ตนเป็นเพื่อนข้างห้อง เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลา 05.00 น. ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ขอความช่วยเหลือดังมาจากในห้องตลอดเวลา ไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ช่วงเย็นวันที่ 8 ก.ค. เห็นพ่อ แม่ และเด็กไปนั่งทานข้าวกันด้านล่าง กระทั่งเด็กมาร้องขอความช่วยเหลือในช่วงเช้า ซึ่งไม่ทราบสาเหตุ แต่ที่ผ่านมามักจะได้ยินเสียงหญิงดังกล่าวดุด่าลูกชายด้วยคำหยาบคายอยู่บ่อยครั้ง ส่วนครั้งนี้ลักษณะเหมือนมีอาการเครียด โดยการปิดประตูห้องและขังลูกชายไว้ โดยมือหนึ่งถือมีดและบังคับไม่ให้ลูกชายออกนอกห้อง คาดว่าเกิดจากอาการเครียดปัญหาครอบครัวและเรื่องเงิน ซึ่งหญิงดังกล่าวมีความพยายามโทรฯ ขอความช่วยเหลือจากหมอปลาอีกด้วย

ด้าน พ.ต.อ.รุ่งสกุล กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ​ช่วยเหลือ จนสถานการณ์คลี่คลายไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามยุทธวิธี ทั้งนี้รับแจ้งครั้งแรกหญิงมีอาวุธมีดด้วย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงไม่พบว่าถือมีดแล้วพร้อมระบุว่า จากการสอบหญิงคนดังกล่าวเบื้องต้นทราบว่าอาศัยอยู่ที่นี่มาประมาณ 15 ปี มีอาชีพรับจ้างซักรีด เมื่อก่อนมีสามีเป็นชาวเกาหลีใต้ มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ก่อนเลิกกันหลายปีแล้ว ตอนนี้น่าจะไปอยู่ประเทศเกาหลีใต้แล้ว มีส่งเงินมาช่วยเหลือเลี้ยงดูลูกชายวัย 8 ขวบ บ้าง ไม่แน่ใจว่าทุกเดือนไม่ ต่อมามีสามีใหม่ และมีปัญหาเรื่องครอบครัว และเรื่องเงิน มาตลอด ก่อนเกิดเหตุทะเลาะกับสามีใหม่ทำให้เครียด ประกอบกับอาจมีการเสพยาเสพติดด้วย ทำให้คลุ้มคลั่ง หลังจากนี้จะนำตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก จากนั้นจะสอบปากคำ รวมทั้งตรวจหาสารเสพติดในร่างกายและตรวจอาการทางจิต รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.