สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ว่า ญี่ปุ่นจัดพิธีศพอย่างเรียบง่ายแต่สมเกียรติ ให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่วัดโซโจจิ ในกรุงโตเกียว โดยพิธีทางศาสนาจัดขึ้นเป็นการภายใน มีเพียงครอบครัวและบุคคลใกล้ชิดเท่านั้นซึ่งได้รับเชิญให้เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ นำคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแถวรอรับรถบรรทุกโลงศพของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่ทำเนียบในกรุงโตเกียว


อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนา รถยนต์สีดำคันหนึ่งซึ่งภายในบรรทุกโลงศพของอาเบะ เคลื่อนผ่านกองทหารเกียรติยศ และแล่นผ่านสถานที่สำคัญทางราชการหลายแห่งในกรุงโตเกียว ไม่ว่าจะเป็นอาคารรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และบ้านพักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล ร่วมตั้งแถวรอรับด้วย

ขณะที่ประชาชนทั่วไปเบียดเสียดกันเต็มสองฝั่งถนน เพื่อร่วมส่งอดีตผู้นำเป็นครั้งสุดท้าย หลังมีการเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเคารพศพ ระหว่างช่วงเย็นของวันจันทร์ที่ผ่านมา จนถึงช่วงสายของวันอังคาร

กองทหารเกียรติยศตั้งแถวส่งขบวนศพของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่วัดโซโจจิ ในกรุงโตเกียว


อนึ่ง รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่สามัญชนญี่ปุ่นพึงได้รับ ให้แก่อาเบะ “เพื่อยกย่องและเชิดชู ตลอดจนเป็นการให้เกียรติแก่การสร้างคุณูปการต่อบ้านเมือง ซึ่งอดีตผู้นำญี่ปุ่นปฏิบัติตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”

ธงชาติญี่ปุ่นที่ทำเนียบรัฐบาล ในกรุงโตเกียว อยู่ที่ครึ่งเสา


ทั้งนี้ อาเบะซึ่งสร้างประวัติศาสตร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุด ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น คือ 8 ปีกับอีก 8 เดือน ระหว่างปี 2555-2560 ถึงแก่อสัญกรรมอย่างกะทันหัน ในวัย 67 ปี เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยถูกนายเทตสึยะ ยามากามิ อายุ 41 ปี ใช้อาวุธปืนประดิษฐ์เอง ลอบยิงจากด้านหลังในระยะเผาขน ระหว่างอาเบะกำลังปราศรัยอยู่บนเวที ที่เมืองนารา


หลังเกิดเหตุ ยามากามิให้การรับสารภาพ ด้านข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวด้านการสอบสวนระบุว่า ยามากามิเคยมีแผนลอบสังหารอาเบะโดยใช้ระเบิดทำเองจริง แต่ท้ายที่สุดเปลี่ยนใจมาเป็นการใช้ปืน เนื่องจากไม่ต้องการให้พลาดเป้า และเริ่มติดตามกิจกรรมทางการเมืองของอดีตผู้นำญี่ปุ่นตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อหาโอกาสเข้าใกล้ให้ได้มากที่สุด


จนถึงตอนนี้ ยามากามิยังคงยืนยันแรงจูงใจในการลงมือลอบสังหารอาเบะ คือความชื่อว่า อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้องกับ “องค์กรทางศาสนา” ที่มารดานับถือและบริจาคเงินจนกลายเป็นการสร้างปัญหาให้กับครอบครัว แม้ยามากามิไม่ได้เอ่ยชื่อองค์กร แต่ต่อมา สหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก ( เอฟเอฟดับเบิลยูพียู ) ของเกาหลีใต้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โบสถ์แห่งความสามัคคี” สาขาญี่ปุ่น ยืนยันว่า มารดาของยามากามิ เป็นสมาชิกจริง.

เครดิตภาพ : REUTERS