เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ศาลปู่เจ้ากันตัง ถนนหน้าค่าย ในเขตเทศบาลเมืองกันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง นางอรัญญา ธนาวุฒิ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลบ้านคลองภาษี อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมด้วยนายชาตรี บุญมี และครูที่ปรึกษารวม 5 คน เข้าเยี่ยมอาการป่วยของนายวรพัน เกื้อแก้ว หรือเอียน อายุ 32 ปี พ่อของน้องขุนเดช หรือ ด.ช.วรวิทย์ เกื้อแก้ว อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนเทศบาลบ้านคลองภาษี หลังสืบทราบสาเหตุที่น้องขุนเดชขาดเรียนมานานหลายวันแล้ว เป็นเพราะว่าคุณพ่อของน้อง จยย.ล้มหัวฟาดพื้น ขณะกำลังจะไปรับน้องขุนเดชกลับจากโรงเรียน เมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ทำได้แค่เพียงกะพริบตาตอบรับ

สำหรับรายได้หลักมาจากคุณพ่อของ ด.ช.วรวิทย์ ที่ออกเรือหาปลาเดือนละประมาณ 7,000-8,000 บาท แต่เมื่อคุณพ่อล้มป่วย รายได้ในครอบครัว จึงหดหายไป เหลือเพียงเงินสงเคราะห์คนชราของคุณปู่กับคุณย่ารวมกันเดือนละ 1,200 บาท แต่ต้องหาเลี้ยงรวม 7 ชีวิตคือ คุณปู่ คุณพ่อ คุณย่า แม่เลี้ยง น้องขุนเดชและลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คน ในห้องเล็ก ๆ เพียง 1 ห้อง ภายในศาลปู่เจ้ากันตัง ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เมื่อคุณพ่อของน้องขุนเดชมาล้มป่วยลง ทำให้ครอบครัวมีภาระเพิ่มขึ้น ทั้งค่าย่า ค่าหมอ ค่านมผง ค่าแพมเพิส ค่าอาหารทางสายยาง และอื่น ๆ ทำให้น้องขุนเดช นอกจากจะไม่ได้ไปเรียนหนังสือแล้วยังต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้เสียสละพ่อมีกินและอยู่ช่วยดูแลพ่อ ป้อนข้าวป้อนน้ำเปลี่ยนแพมเพิส ทำกายภาพบำบัดและร้องเพลงกล่อมเด็กที่น้องมีพรสวรรค์ สามารถร้องเองแต่งเพลงกล่อมเด็กได้เอง มานั่งร้องเพลงกล่อมคุณพ่อ หวังว่าคุณพ่อได้ยินแล้วจะหายป่วยเร็ว ๆ ทั้งยังคอยให้กำลังใจคุณพ่อด้วยการหอมแก้มจับมือ และบอกให้พ่อสู้ ๆ ทุกวัน จนกลายเป็นภาพที่ชินตาของคนในครอบครัวและผู้พบเห็น

สำหรับน้องขุนเดชเป็นเด็กคุยเก่งยิ้มง่าย มีน้ำใจ และมีมนุษย์สัมพันธ์กับทุกคน ทั้งยังเป็นเด็กกตัญญูบุญคุณ และความเสียสละผู้อำนวยการโรงเรียน และคุณครูประจำชั้น จึงพาน้องขุนเดชไปเปิดบัญชีนาคารออมสินในเช้าวันนี้ (12 ก.ค.) เพื่อให้น้องมีทุนการศึกษาและนำเงินมารักษาอาการป่วยของคุณพ่อให้ดีขึ้น ซึ่งใช้ชื่อของน้องขุนเดช 1 คน กับคุณครูประจำชั้น 1 คน เพื่อดูแลการใช้จ่ายเงินตามความเหมาะสม โดยผ่านระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของทางโรงเรียน ส่วนใครอยากช่วยเหลือสามารถสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-2353-1908

ด้านนายชาตรี บุญมี ครูภาษาไทยที่ไปพบสภาพครอบครัวของน้องขุนเดชคนแรก กล่าวว่า ตนได้ทำโครงงานภาษาไทย เพื่อไปประกวดแข่งขัน เรื่องเพลงกล่อมเด็กที่เอาสำนวนภาษาถิ่นมาทำเพลงเพื่อให้คนร้องเพลงกล่อมเด็กได้ และได้รู้จักสำนวนโบราณๆ แต่พอซ้อมๆ อยู่ดีๆ น้องก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นอาทิตย์ จึงไปตามสืบจนพบว่าน้องต้องมาดูแลพ่อที่ล้ม จยย.หัวฟาดฟื้น ทำได้แค่กะพริบตาและเป็นกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง แต่จะให้น้องได้เรียนหนังสือ ส่วนเรื่องเวลาที่หายเรียนไปหลายวัน ก็ไม่เป็นปัญหา คุณครูทุกวิชาก็จะทำการสอนเสริมให้และทางโรงเรียนมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนผ่านคณะกรรมการสถานศึกษาเป็นกรณีพิเศษ

ด้านนางอรัญญา กล่าวว่า สิ่งที่จะสนับสนุนได้ก็น่าจะเป็นเรื่องของทุนการศึกษา และอาจจะมีการระดมทุนกันภายในโรงเรียนเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น เพราะถือว่าน้องเป็นเด็กน่ารัก เป็นตัวแทนในการเข้าร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียนด้วย จากการสอบถามคุณครูที่ปรึกษาทราบว่าน้องเป็นเด็กดี มีความกตัญญูต่อผู้ปกครอง

ส่วน ด.ช.วรวิทย์ กล่าวว่า ตัวเองขาดเรียนนานแล้วเพราะต้องเฝ้าพ่อ กลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรไป แต่ถ้าตัวเองไม่เฝ้าคนอื่นก็เฝ้า แต่ตนห่วงพ่อมากที่สุด กลัวคนอื่นจะเฝ้าได้ไม่ดีเท่ากับตัวเอง ยอมรับว่าเป็นห่วงการเรียน บางทีก็ไปเรียนแต่บางทีก็หยุดมาเฝ้าพ่อ ซึ่งคุณครูอนุญาตอยากให้คุณพ่อสู้ๆ ฟื้นเร็วๆ ทุกวันนี้ก็ได้กล่อมพ่อด้วยเพลงกล่อมเด็ก พ่อตอบสนองด้วยการยกมือและบางครั้งก็จะร้องไห้ ซึ่งน้องอยากให้ทุกคนช่วยส่งกำลังใจให้พ่อของตนสู้ๆ ส่วนข้าวบางทีก็ได้กิน บางทีก็ไม่ได้กิน เพราะสงสารพ่อที่ได้กินแต่นม