เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” หัวข้อถามตรง ถึงประยุทธ์ จันทร์โอชา มีรายละเอียดดังนี้

ถามตรง ถึงประยุทธ์ จันทร์โอชา
ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งได้ถึง 8 ปี และมีเพียงพรรคการเมืองเดียวที่ชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล แล้วก็ชนะอีกในครั้งถัดมา เป็นรัฐบาลต่อเนื่อง บางสมัยได้ที่นั่งเกินครึ่ง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ คือพรรคไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย

ถ้าไม่มีรัฐประหาร 2549 ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นนายกฯ เลือกตั้งคนแรกที่อยู่ครบ 8 ปี และอาจอยู่ต่อได้มากกว่านั้น หรือถ้าไม่มีรัฐประหาร 2557 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อาจเป็นนายกฯ 8 ปีได้เช่นกัน

การบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ห้ามนายกฯ ดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี แล้วมีนักกฎหมายบางส่วนอ้างว่า ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จากการรัฐประหาร คือคนละเรื่องกับนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 60 เอามานับรวมไม่ได้ ก็ชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ “กฎหมาย” แต่เป็นการ “กดหัว” ที่เขียนไว้ใช้กับบางฝ่ายเท่านั้น

สมมุติว่าคราวหน้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ แล้วส่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเคยเป็นนายกฯ ไม่ถึง 3 เดือน ขึ้นดำรงตำแหน่ง วิญญูชนทั้งหลายคิดว่าหากมีการนับวาระจะรวมเวลา 3 เดือนนั้นในระยะเวลา 8 ปีหรือไม่

หรือสมมุติให้หนักขึ้น ถ้า ดร.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาเป็นนายกฯ ได้ คิดว่าการนับวาระจะเป็นอย่างไรผมฟันธงว่าที่เป็นมาแล้วจะถูกนับรวม และอยู่ได้ไม่เกิน 8 ปี

ความกลับกลอก ตะแบงช่วย พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน บางคนไม่สนแม้กระทั่งคำพูดในอดีตของตัวเอง เป็นเพราะตอนเขียนคงไม่นึกว่าจะอยู่นานขนาดนี้ หรือถ้าอยู่ต่อจริง ยังมีศาลรัฐธรรมนูญคอยวินิจฉัยอีกที

ถ้าเจตนารมณ์คือการป้องกันการสืบทอดอำนาจ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤติ กรณีนี้ต้องใช้กับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเคร่งครัดที่สุด เพราะรัฐบาลปัจจุบันคือการสืบทอดอำนาจเผด็จการ และบ้านเมืองกำลังวิกฤติทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

ผมเคยพูดไว้ว่ากลุ่มคนที่มาร่างรัฐธรรมนูญให้เผด็จการไม่ใช่นักกฎหมาย แต่คือผู้รับเหมาทำงานตามสั่ง จะเกิดวิกฤติสูญเสียอะไรข้างหน้าไม่สนใจ ไม่รับผิดชอบ จึงไม่ขอตั้งคำถามต่อคนกลุ่มนี้ แต่ขอถามตรงๆ ถึงผู้กำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าตัวเองเป็นนายกฯ มาแล้วกี่ปีครับ.

ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”