เมื่อวันที่ 11 พ.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมพงษ์ชิงดวง ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. บก.สส.สตม. ทำการจับกุมตัว น.ส.ดวงรักษ์ (ขอสงวนนามสกุลจริง) อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 107/2565 ลงวันที่ 30 มี.ค. 65 ในความผิด “ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” โดยจับกุมได้บริเวณบ้านพัก ในซอยสุขุมวิท 33 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากมีประชาชนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ผ่านทางระบบแจ้งความออนไลน์ว่า ได้มีคนร้ายที่รู้จักกันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ แล้วทำการชักชวนหลอกลงทุนคริปโตฯ ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายอยู่รายหลาย จากการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ น.ส.ดวงรักษ์ จึงได้นำกำลังจับกุม ทั้งนี้สอบสวนให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการรับจ้างเปิดบัญชี จำนวน 2 บัญชี จำนวน 2,000 บาท โดยได้รับการติดต่อจากเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งตนก็ได้ยินยอมและส่งมอบบัญชีธนาคาร ซิมมือถือที่ลงทะเบียนกับทางธนาคารให้

ขณะที่ทาง พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า จากแนวทางสืบสวนพบพฤติการณ์ของคนร้ายว่าจะทำการปลอมตัวและแฝงตัวอยู่ในแอปพลิเคชันหาคู่ เพื่อทำการหาเหยื่อ จากนั้นเมื่อได้ทำการพูดคุยตีสนิทกับผู้เสียหายไปสักพักหนึ่งแล้วจะให้ทางผู้เสียหายทำการเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊ก และพูดคุย เพื่อทำให้ผู้เสียหายตายใจ ก่อนที่จะชักชวนลงทุนเกี่ยวกับการเทรดคริปโตฯ หรือการลงทุนหุ้นต่างๆ และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการชักชวนผู้เสียหายให้ทำการสมัครสมาชิกสำหรับการเทรดคริปโตฯ ผ่านเว็บไซต์ WWW.Gxbfc036.cn, web.mitokenex.com, www.opttradap.vip หรือ http://wap.erxproap.vip/ERX ซึ่งคนร้ายจะเริ่มทำการพูดคุยแนะนำเกี่ยวกับหุ้นคริปโตฯ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และเริ่มทำการโอนเงินเพื่อการลงทุนสำหรับเทรดไปยังบัญชีของคนร้ายที่แจ้งให้กับผู้เสียหาย โดยเว็บไซต์ที่ทางผู้เสียหายได้สมัครสมาชิกนั้นจะเป็นเว็บไซต์ปลอมที่ถูกทางคนร้ายสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการหลอกลวง ซึ่งช่วงแรกจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนด และจะถูกชักชวนให้ลงทุนในการเทรดเพิ่มขึ้น ซึ่งหากผู้เสียหายต้องการจะถอนเงินออกจากระบบก็จะให้โอนเงินเพื่อชำระค่าธรรมเนียม ค่าภาษี หรือค่าต่างๆ เพื่อจะทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและถูกหลอกให้โอนเงินต่อไป โดยจากการตรวจสอบจากระบบแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายราย และมีความเสียหายรวมกันมากกว่า 7 ล้านบาท และพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับอื่นอีก รวม 7 หมายจับ เบื้องต้นทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ขยายผลเส้นทางการเงินบัญชีที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อจะได้นำพยานหลักฐานมาดำเนินการกับกลุ่มคนร้ายต่อไป.