จากกรณีผู้ปกครองของ นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ ว่า ผอ.โรงเรียนขโมย โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อวีโว่ Y12 สีน้ำเงิน ราคาประมาณ 3,500 บาท เมื่อวันพุธที่ 14 ก.ย.65 ที่ผ่านมา และได้แจ้งความไว้กับ สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กระทั่งตำรวจตั้งข้อหา “ลักทรัพย์” กับ ผอ.คนดังกล่าว ซึ่ง ผอ.ได้ปฏิเสธว่าต้องการแค่ยึดเอาไว้ไม่ได้ขโมย ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์กลับยิ่งบานปลาย หลังจากมีกลุ่มนักเรียนไปถือป้ายประท้วงที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ เพื่อเรียกร้องให้ย้าย ผอ.เป็นการเร่งด่วน เพราะเกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งหลังจากนี้ และต่อมา กลุ่มนักเรียน ยังไปยื่นหนังสือต่อยุติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบคดีที่ได้แจ้งความไปแล้ว ทั้งยังมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ รวมตัวถือป้ายประท้วงหน้าเสาธง ระบุว่า ผอ.ใช้อำนาจออกกฎระเบียบละเมิดสิทธิเด็กนักเรียน ทั้งการห้ามนำโทรศัพท์มือถือไปโรงเรียน ทั้งที่จำเป็นต้องใช้เป็นสื่อในการค้นหาข้อมูล ห้ามไว้ผมยาวทั้งที่กระทรวงศึกษาธิการ ผ่อนปรนให้ไว้ได้ รวมถึงไม่มีกิจกรรมให้เด็กนักเรียนได้ผ่อนคลาย ทำให้นักเรียนเกิดความอึดอัดและเบื่อหน่ายกับการเรียนการสอนของโรงเรียน และอยากให้ ผอ.ย้ายออกจากพื้นที่โดยเร็ว

ด้าน ดร.สัมนาการณ์ บุญเรือง ศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับ ผอ.แล้ว โดยได้ชี้แจงว่า ที่เอามือถือไป ต้องการเอาไปเก็บรักษาไว้ เกรงว่าโทรศัพท์จะหาย ส่วนตัวคิดว่า ผอ.ไม่ได้ตั้งใจขโมยไป เพราะโทรศัพท์มือถือราคาเพียง 3,500 บาท ถ้าคิดจะขโมยจริง คงจะถอดซิมออก คงไม่เปิดเครื่องนานถึง 3 วัน สาเหตุที่ไม่รับโทรศัพท์ที่มีคนโทรฯ เข้าไป เพราะอาจจะลืมไว้ในรถจนทำให้โทรศัพท์แบตเตอรี่หมด ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว ส่วนการเรียกร้องให้ ผอ.ย้าย จะต้องมีการสอบข้อเท็จจริงก่อน ถ้าผิดจริงก็มีบทลงโทษตามขั้นตอนของกระทรวงศึกษาฯ อยู่แล้ว ทั้งหมดเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.