เมื่อวันที่ 19 ต.ค. จากกรณีที่เพจ สปอร์ตไลท์บางปู ได้โพสต์รูปภาพ พร้อมข้อความว่า อย่าหาทำ เรื่องรถยนต์หายที่ตำหรุ ต.บางปูใหม่ สาวแจ้งความเท็จ และใช้สื่อโซเซียลทำให้คนหลงเชื่อและช่วยกันติดตามรถสร้างความวุ่นวาย เมื่อวันที่ 18 ต.ค. เวลา 21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางปู ได้รับแจ้งจาก น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) แจ้งว่า ได้จอดรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ มิราจ สีเหลือง แผ่นป้ายทะเบียน 2 ขย 9206 กรุงเทพมหานคร จอดไว้ที่ตำหรุ บริเวณตลาดมุมอร่อย ทางเข้าหมู่บ้านทรัพย์บัวหลวง ตำบลบางปูใหม่ ได้ลืมเอากุญแจออกจากรถยนต์ แล้วรถยนต์ได้หายไป

ต่อมา พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับ สภ.บางปู กำชับ เจ้าหน้าที่ชุดสืบ สภ.บางปู เร่งติดตามจึงได้พบรถริมถนน ข้างสนามฟุตบอล ภายในหมู่บ้านซิตี้ วิลเลจ หมู่ 2 ต.บางปูใหม่ และได้ทำการติดต่อ น.ส.เอ๋ มาที่ สภ.บางปู และได้พบพิรุธจึงเค้นสอบ และน.ส.เอ๋ ยอมรับว่า สร้างเรื่อง ตนเองไม่ได้ถูกขโมยรถยนต์คันดังกล่าวแต่อย่างใด

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือ ประชาชน เสียหาย พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป หลังจากที่ลงข้อความไปในโลกโซเชียลนั้น ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เวลา 21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางปู ได้รับแจ้งจาก หญิงสาว แจ้งว่า ได้จอดรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ มิราจ สีเหลือง จอดไว้ที่ตำหรุ บริเวณตลาดมุมอร่อย ทางเข้าหมู่บ้านทรัพย์บัวหลวง ตำบลบางปูใหม่ ได้ลืมเอากุญแจออกจากรถยนต์ แล้วรถยนต์ได้หายไป หลังจากรับแจ้งเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ พบว่ากล้องวงจรปิดไม่พบเห็นว่ามีรถคันดังกล่าวมาจอดตอนเกิดเหตุ ก่อนจะค้นหารถคันดังกล่าว ที่ข้างสนามฟุตบอล ภายในหมู่บ้านซิตี้ วิลเลจ หมู่ 2 ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก จึงสอบถามผู้เสียหายก็พบว่ารถไม่ได้หายจริง แต่ต้องการที่จะเอารถคันดังกล่าวหลบแฟน คือจะเลิกกับแฟน คิดอะไรไม่ออกก็เลยมาแจ้งความ เพื่อจะเอารถเป็นของตนเองคนเดียว จากผู้เสียหายกลายเป็นผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ขอฝากเตือนกับผู้ที่จะทำแบบนี้ เหตุไม่เกิดแล้วมาแจ้ง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอะไรก็แล้วแต่ที่แจ้งความเท็จไม่สำควรอย่างยิ่ง จากผู้เสียหายจะกลายเป็นผู้ต้องหา และมีการแชร์ในโซเซียล ทำให้ประชาชนที่เป็นพลเมืองดีได้ช่วยกันแชร์ข้อมูล เพื่อค้นหารถ ก็กลายเป็นว่าแทนที่จะช่วยแชร์เรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็กลายเป็นเสียเวลา ส่วนเจ้าหน้าที่แทนที่จะใช้เวลามาปฏิบัติหน้าที่ให้ประชาชนที่มีเรื่องเกิดขึ้นจริง ส่วนโทษแจ้งความเท็จ โดยโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 พันบาท หรือ โทษทั้งจำและปรับ.