เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าเขื่อนเจ้าพระยา ลดการระบายน้ำลง แต่ยังคงมีการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนอัตราสูง 2,602 ลบ.ม./วินาที ยังคงส่งผลทำให้ระดับน้ำท่วมสูงหลายพื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา แล้ว 15 อำเภอ 158 ตำบล 1,020 หมู่บ้าน 80,111 ครัวเรือน ส่วนที่อำเภอผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา 16 ตำบล ถูกน้ำท่วมไปแล้ว 14 ตำบล 104 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 6,025 ครัวเรือน โดยพบว่าที่ ต.ลาดน้ำเต็ม อ.ผักไห่ ถูกมวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลบ่าฝ่าแนวคั้นกั้นน้ำจาก จ.อ่างทอง แผ่ท่วมทุ่งนา พื้นที่เกษตรกร ต.ลาดน้ำเค็ม และท่วมชุมชนบ้านเรือนประชาชน อย่างรวดเร็ว

นายคธาธร ผ่องญาติ อายุ 46 ปี ชาวบ้าน อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า น้ำไหลบ่ามาจากทางทุ่งไผ่ดำ จ.อ่างทอง เข้ามาหลังหมู่บ้านแค่ 1 ชั่วโมง ต้องรีบเก็บของ เก็บต้นโป๊ยเซียน และทำแนวคันดินป้องกัน แต่ไม่ทันเพราะน้ำมาเร็วมาก ท่วมโรงเพราะชำ ต้นโป๊ยเซียนทั้งแม่พันธ์ุ และที่กำลังเพราะพันธ์ ประมาณ 30,000 ต้น เสียหายมูลค่าประมาณ 500,000 บาท ทางสำนักงานเกษตรแนะนำว่าให้นับเป็นจำนวนต้น จากกระถางที่เหลือซากอยู่แล้วถ่ายภาพเป็นหลักฐานแจ้งค่าเสียหาย แต่ในความเป็นจริงกระถางถูกน้ำซัดปลิวไปเกือบหมดเลย ตอนนี้เครียดไม่รู้เลยว่าจะเอาอะไรมาเป็นหลักฐาน

ส่วนชาวบ้านในชุมชน หมู่ 4 ต.บ้านแค อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำไหลเข้าท่วมภายในชุมชน ต้องขนย้ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์มาจอดเอาไว้ด้านนอกถนนในหมูบ้าน ระดับน้ำสูงประมาณ 60 ซม. ชาวบ้านต้องเดินลุยน้ำ ใช้เรือ และโฟมพายเข้าออกชุมชน นายสมชาย แย้มอุทัย อายุ 60 ปี กล่าวว่า น้ำมาจาก จ.อ่างทอง ไหลลงทุ่งมายัง อ.ผักไห่ ที่แรกพยายามจะกั้นน้ำแต่น้ำเร็วกั้น ไม่ทันจนต้องปล่อยน้ำให้ท่วมแล้วมาเก็บของ หลายปีแล้วที่น้ำไม่เคยท่วมแบบนี้ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วน้ำก็ไม่ท่วม มาปีนี้แนวคันกั้นน้ำในจังหวัดอ่างทองพังทำให้น้ำไหลผ่านทุ่งต่างๆ จนมาท่วมเสียหายดังกล่าว