เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ห้องประชุมบุตรน้ำเพชร หอประชุมชัยจินดา กองบังบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 และชุดจับกุม ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ตำรวจภูธรภาค 8 ในระหว่างวันที่ 10 ต.ค.-24 ต.ค. รวมระยะเวลา 15 วัน โดยสามารถจับกุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง 363 คดี, อาวุธปืนธรรมดา 260 กระบอก, อาวุธปืนสงคราม 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,702 นัด

พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันมีเหตุก่ออาชญากรรมที่มีการใช้อาวุธปืนอยู่บ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งความหวาดกลัวภัยของประชาชนมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อสังคม และความสงบสุขของประชาชน ในการนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนปืน จึงได้กำหนดให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 10 ต.ค.-8 พ.ย. 65 เป็นระยะเวลา 30 วัน โดยกำหนดเป้าหมายความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย (แบบ On Ground) การจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ และโซเซียลมีเดีย ตำรวจภูธรในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีการดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมอย่างจริงจัง มาตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 24 ต.ค. รวมระยะเวลา 15 วัน ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ลดความหวาดกลัวภัยของประชาชน และลดอาชญากรรมในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข โดยสามารถจับกุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง 363 คดี, อาวุธปืนธรรมดา 260 กระบอก, อาวุธปืนสงคราม 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,702 นัด

ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงที่ผ่านมา จนมีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการแจ้งเบาะแสในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิด เพื่อเป็นการยับยั้งการกระทำผิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก และนำมาซึ่งการลงพื้นที่กวาดล้างจับกุมดังกล่าว.