กรณี กัน จอมพลัง ออกมาอัพเดท เคสครูพละข่มขืน เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ในห้องน้ำโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.ระนอง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มิ.ย. 65 จนถึงวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา รวมแล้ว 14 ครั้ง และต่อมามารดาเด็กจับได้เข้าแจ้งความตำรวจแต่ผ่านมาร่วมเดือนคดีไม่คืบ อีกทั้งลูกสาวต้องไปโรงเรียนและครูพละยังคงมาสอนตามปกติ กระทั่งวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา จึงเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก เพจ กัน จอมพลัง ออกมาช่วยเหลือตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

แม่สุดช้ำครูพละข่มขืนลูก ป.4 คดีไม่คืบ ซ้ำจิตใจย่ำแย่ต้องไปรร.เจอหน้า

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า สอบถาม พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง เบื้องต้นเปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. โดยมารดาเด็กผู้เสียหาย อายุ 10 ขวบ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับครูสอนพละโรงเรียนดังกล่าว โดยกล่าวหาว่า กระทำชำเราบุตรสาวในห้องน้ำหญิงของโรงเรียน พนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบ พร้อมส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายหาสารคัดหลั่ง และร่องรอยหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ สอบปากคำแม่เด็ก พ่อเลี้ยงเด็ก ครูประจำชั้น และครูผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพื่อนนักเรียน เพื่อสรุปรวบรวมหลักฐาน

พล.ต.ต.เชิดพงษ์ เผยอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ต.ค. มีการแจ้งข้อกล่าวหากับครูพละ ข้อหา กระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กระทำโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำชำเราอนาจารเด็กซึ่งเป็นศิษย์ที่อยู่ในความดูแล พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร ส่วนครูที่ถูกกล่าวหาทราบว่า ทางโรงเรียนให้หยุดการสอน ตั้งแต่วันที่โดนแจ้งความดำเนินคดีเลยทันที

พล.ต.ต.เชิดพงษ์ เผยว่า คดีนี้เป็นคดีที่ผู้เสียหายเป็นเด็ก พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ได้สั่งการให้ ตน พ.ต.อ.เธียร บาลทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.ระนอง ควบคุมการสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง ให้รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยได้ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ 1.เข้าควบคุม อำนวยการสืบสวนสอบสวน 2.ตรวจสถานที่เกิดเหตุร่วม พฐ. 3.ซักถามพยานบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมร่วมกับสหวิชาชีพ 4.จำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และ 5.เร่งรัดติดตามผลการชันสูตร ซึ่งความผิดที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนการสืบสวนสอบสวนต้องใช้สหวิชาชีพ การกระทำใดๆ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่สร้างความเสียหายเสื่อมเสียซ้ำซ้อนให้กับเด็กและเยาวชนอีก

ผบก.ภ.จว.ระนอง กล่าวว่า ล่าสุดภายหลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง รับผลตรวจจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมได้รวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว จึงดำเนินการสรุปสำนวนเสนออัยการจังหวัดระนอง ก่อนมีการนำตัวผู้ถูกกล่าวหาส่งฟ้องที่ศาลจังหวัดระนองแล้วตั้งแต่เมื่อวาน (9 พ.ย.) และต่อมาศาลได้พิจารณาให้ตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่ให้ประกันตัว เพราะพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง หากให้ปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนี ประกอบกับผู้เสียหายคัดค้านการปล่อยชั่วคราว กลัวผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงถูกนำตัวส่งเข้าเรือนจำในเย็นวันเดียวกัน คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่อาจเกิดความล่าช้าเพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ละเอียดรอบคอบมากที่สุด เพราะเป็นคดีละเอียดอ่อนผู้เสียหายเป็นเยาวชน