เมื่อวันที่ 17 พ.ย. จากกรณีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา เห็นชอบแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงและโยกย้ายข้าราชการ กระทรวงมหาดไทย รวม 37 ตำแหน่ง แบ่งเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด 26 จังหวัด ผู้ตรวจราชการ 11 ตำแหน่ง โดยหนึ่งในนั้นมีรายชื่อของ นายภาสกร บุญญลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และให้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนชาวเชียงราย รู้สึกตกใจต่อคำสั่งเป็นอย่างมาก เนื่องจากนายภาสกร เพิ่งย้ายมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ไม่นาน และเป็นคนมุ่งมั่นในการทำงาน และการจัดงานศิลปะโลก “ไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย 2023” จนทาง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้ก่อตั้งวัดร่องขุ่น อัดคลิปวิดีโอ ระบายความรู้สึกต่อคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว

ปวดใจ! ‘อ.เฉลิมชัย’ พรั่งพรูทั้งน้ำตา ตัดพ้อย้าย ผวจ.เชียงราย เลิกงานศิลปะ!

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อขอสัมภาษณ์ถึงประเด็นการทำงานร่วมกับ อ.เฉลิมชัย และชาวจังหวัดเชียงราย หลังจาก ที่ทาง ครม. มีมติแต่งตั้งให้โยกย้ายไปเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย โดย นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า ได้ทราบเรื่องราวที่ อ.เฉลิมชัย ได้อัดคลิปวิดีโอระบายความรู้สึกต่อคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวแล้ว โดยส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับ อ.เฉลิมชัย และไม่ได้มีความขัดแย้งกัน เชื่อว่าสิ่งที่ท่าน อ.เฉลิมชัย ระบายออกมาผ่านคลิปวิดีโอเป็นการห่วงงาน และทราบว่าท่านเป็นคนทุ่มเทในงานศิลปะมาก ถึงขั้นคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้ โดยเชื่อว่า ท่านอยากให้งานออกมาดีที่สุด และทำให้ท่องเที่ยวเชียงรายบูม

อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่จะสานต่องานศิลปะโลก ไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย 2023 รวมถึงนโยบายต่างๆ และจะทำทุกด้าน ยอมรับไม่เก่งงานศิลปะเหมือนอย่างที่ท่านว่านั้นถูก แต่จะทำทุกด้านให้ชาวเชียงรายอยู่ดีกินดี และจะช่วย อ.เฉลิมชัย และชาวเชียงรายอย่างเต็มที่ในทุกด้าน ซึ่งด้วยหน้าที่ของนักปกครอง ไปอยู่ที่ไหนก็ต้องทำตัวเป็นคนที่นั้น ซึ่งเชื่อว่านอกจากงานศิลปะ ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับโลกแล้ว ยังมีงานอื่นๆ อีกมากด้วยที่ต้องทำ ทั้งยาเสพติด การค้าชายแดน ต่างด้าว ซึ่งบริบทของจังหวัดเชียงราย ต่างกับจังหวัดกระบี่ แต่ในเมื่อทางผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม ตนก็ต้องไป ถึงแม้ว่างานที่ทำอยู่ที่ จ.กระบี่ ยังค้างคาอยู่

สำหรับนโยบายที่ตนได้ขับเคลื่อนไปแล้วของจังหวัดกระบี่ ทั้งการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและการท่องเที่ยว ที่จะยกระดับไปสู่นานาอารยประเทศ ซึ่งยังเพิ่งเริ่มต้น แต่เชื่อว่า ผู้ว่าราชการคนใหม่มา ก็คงจะสานงานต่อเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน