จากกรณีเมื่อวันที่ 25 พ.ย. วัดในพื้นที่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ชาวบ้านประมาณ 50 คน มารวมตัวกันที่ภายในวัด พร้อมคัดค้านไม่ให้มีการรื้อเตาเผาในเมรุ ที่เจ้าอาวาสเป็นคนติดต่อช่างมาก่อนหน้านี้ ทำให้ช่างที่เดินทางมาจังหวัดนครสวรรค์ ต้องยุติการดำเนินงานไว้ก่อน

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ชาวบ้านไผ่น้อยและชาวบ้านยาง ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กลับมารวมตัวกันอีกที่วัดในพื้นที่ เพื่อต้องการบีบให้ เจ้าอาวาส อายุ 57 ปี ย้ายออกไป เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าอาวาส นำช่างรื้อเตาเผาในเมรุ เพื่อทำการเปลี่ยนเตาเผาใหม่ผิดวัตถุประสงค์ของเจ้าอาวาสองค์เดิมที่มรณภาพไปว่า จะมีการสร้างเตาเผาอีก 1 เตาคู่กันกับเตาเดิม จนมีการลุกลามไปถึงอยากให้สำนักพุทธศาสนา

ตรวจสอบบัญชีของวัดที่ชาวบ้านติดใจว่าไม่โปร่งใสมานานกว่า 8 ปีตั้งแต่เจ้าอาวาสองค์นี้มาอยู่ และล่าสุดงานกฐินที่ผ่านมา ได้เงินเข้าวัดกว่า 1.6 แสนบาท แต่ไม่เอาเงินเข้าบัญชีวัด กลับเอาเข้าบัญชีตัวเอง

กระทั่งเจ้าอาวาสได้ออกมายอมรับว่า เงินกฐินดังกล่าวเอาไปใช้ส่วนตัวจริง โดยอ้างว่า ชาวบ้านบางกลุ่มอนุญาตให้เอาเงินไปใช้ส่วนตัวได้ เพราะหลวงพ่อบวชมาทั้งชีวิตแล้ว นอกจากนี้ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นจอมขมังเวท ใช้โบสถ์ทำพิธีผัวรักผัวหลง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

แฉซ้ำเจ้าวัดดังบุรีรัมย์รื้อเมรุ เป็นจอมขมังเวทใช้โบสถ์ทำพิธี “ผัวรักผัวหลง”

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามพระครู ผู้ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งได้ออกจากวัดไปก่อนหน้านี้ไปอยู่วัดอื่นชั่วคราว โดยพระครู กล่าวถึงกรณีที่ถูกชาวบ้านกล่าวหา กรณีทำพิธีกรรมในโบสถ์ ว่า มันเป็นวิชาที่อาตมา รับมาจากครูบาอาจารย์ แต่ไม่ได้ทำทุกวัน เป็นเรื่องธรรมของพระสายเกจิอาจารย์ ยืนยันไม่ได้ทำคุณไสย แต่เป็นเมตตามหานิยม เพราะอาตมาเป็นหลานหลวงปู่สุข ธัมมโชโต ยอมรับว่ามีผู้หญิงมาทำบ้าง แต่เป็นแค่สะเดาะเคราะห์เท่านั้น มีเสริมดวง ปิดทอง ส่วนจะดีหรือไม่อาตมาไม่รู้ เพราะญาติโยมร้องขอมาก็ทำไป.