เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ จ.ศรีสะเกษ ในช่วงนี้อากาศได้หนาวเย็น อุณหภูมิลดลงเหลือ 14 องศาเซลเซียส ทำให้มีผู้พบเห็นทุ่งดอกกระดุมเงิน-กระดุมทอง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ดอกขี้กาก” ซึ่งเป็นวัชพืชของต้นข้าวของเกษตรกร แต่วันนี้หลังเก็บเกี่ยวข้าวออกไปแล้ว ดอกกระดุมเงิน-กระดุมทอง ยืนต้นสูงขึ้น ราว 50 เซนติเมตร แทงช่อดอกบานสะพรั่ง โดยกระดุมเงิน จะออกดอกสีขาวเงิน และกระดุมทอง จะออกดอกสีเหลืองทอง โคนดอกสีน้ำตาลแก่ สลับไปกันเต็มทุ่งนา สวยงามยิ่งนัก ลูกสาวชาวบ้านได้ถ่ายรูปลงในเฟซบุ๊ก เพื่อนๆ พบเห็น ต่างพากันสอบถาม และได้พากันแห่เข้าไปถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก ที่หมู่บ้านลิ้นฟ้า ต.ลิ้นฟ้า อ.ยางชุมน้อย ห่างจากตัวเมืองศรีสะเกษ ราว 20 กิโลเมตร องค์การบริหารส่วนตำบลลิ้นฟ้า เตรียมพัฒนาเป็นแลนด์มาร์คเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด ทั้งนี้ สถานที่แห่งนี้ ยังพบมีต้นตะแบก ที่ขึ้นอยู่ปากทางเข้าทุ่งนาแปลงที่มีดอกกระดุมเงิน-กระดุมทอง เกิดขึ้น เป็นต้นไม้ที่มีลักษณะเหมือนกับต้นไม้แห่งเวทมนตร์ ในภาพยนต์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้วย  

นายรุ่งโรจน์ เสาเวียง รองนายก อบต.ลิ้นฟ้า กล่าวว่า ที่นี่คือทุ่งนาบ้านลิ้นฟ้า หมู่ที่ 10 ซึ่งแปลงนาตรงนี้เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่การเกษตร ที่มีต้นกระดุมเงินกระดุมทอง ซึ่งชาวบ้านแถบนี้ ถือว่าต้นดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติทั่วไป ที่เห็นเป็นปกติทุกวัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 30 ปี ต้นไม้ชนิดนี้ก็หายไปซึ่งในภาคอีสาน เราจะเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่าต้น “ขี้กาก” ซึ่งถือว่าเป็นวัชพืชที่ทำให้ท้องนาเสียหาย แต่ต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงเห็นความสำคัญของดอกไม้ชนิดนี้ ที่มีลักษณะคล้ายเม็ดกระดุม จึงทรงพระราชทานนามว่า ดอกกระดุมเงิน-กระดุมทอง หรือ “ดอกมณีเทวา” มีในพื้นที่นี้เดียวกัน เป็นพันธุ์ไม้ที่เกิดขึ้นในแปลงนาข้าว และที่สำคัญที่เกิดขึ้นก็เพราะว่า ที่นาดังกล่าวไม่มีสารเคมี จึงจะเกิดพันธุ์ไม้ชนิดนี้ได้ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลลิ้นฟ้า และชาวลิ้นฟ้า เล็งเห็นความสำคัญว่าทำอย่างไรจะอนุรักษ์พื้นที่ตรงนี้ ซึ่งเราได้มาดูตรงนี้ว่า ธรรมชาติยังคงสมบูรณ์อยู่ ซึ่งเป็นแห่งเดียวในโลก ที่ยังมีดอกกระดุมเงิน-กระดุมทอง กว่า 16 ไร่.