เริ่มด้วยไฮไลต์เขย่าบัลลังก์ คือ วาระ 8 ปี “บิ๊กตู่” ที่หัวหน้ารัฐบาลอย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องเผชิญคดีที่ ส.ส.ฝ่ายค้านยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยวาระ การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 8 ปี ซึ่งศาลฯ มีมติรับไว้พิจารณา พร้อมมีคำสั่งให้ “บิ๊กตู่” หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2565 ทำให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นนั่งรักษาการนายกฯ กลายเป็นช่วงที่ “พี่ใหญ่” ราศีจับ โชว์ความฟิตเต็มสูบ แม้ท้ายที่สุด “บิ๊กตู่” พ้นมลทินด้วยคำตัดสินของศาลฯ ที่ชี้ขาดการดำรงตำแหน่งนายกฯว่ายังไม่ครบ 8 ปี เพราะนับการเข้ารับตำแหน่งผู้นำรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 แต่ได้ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองแล้วว่าเป็น นายกรัฐมนตรีคนแรกที่ถูกศาลสั่งพักการปฏิบัติงาน

สายสัมพันธ์ “2 ป.”

กอดคอร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแสนยาวนาน ระหว่าง “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” อย่าง “พล.อ.ประวิตร” และ “น้องรักนอกไส้” พล.อ.ประยุทธ์ ที่พิสูจน์สายสัมพันธ์เลือดข้นกว่าน้ำ มีวันนี้เพราะพี่ให้ แต่เมื่ออารมณ์เกมการเมืองเปลี่ยนไป “พี่ใหญ่” กระชับอำนาจจาก “น้องเล็ก” พร้อมกำหนดความเป็นไปทางการเมือง สถานการณ์บ่งชัดถึงจุดที่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ยืนอยู่คนละเส้นทาง โดย “พี่ใหญ่” ปักหลักค่าย “พลังประชารัฐ” ด้าน “น้องเล็ก” หันไปสวมเสื้อพรรคใหม่ “รวมไทยสร้างชาติ” แม้พี่น้อง 2 ป. แยกย้ายไปสร้างดาวคนละดวง แต่สนามการเมืองมีอำนาจและผลประโยชน์เป็นเดิมพัน ในการเลือกตั้งต้องฟัดกันเต็มที่ จึงน่าจับตาดูผลสรุปหลังเสร็จศึกว่าทั้งสองจะหวนมาบรรจบจับมือกันอีกหรือไม่

 ธรรมนัส แมว 9 ชีวิต

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ “กบฏธรรมนัส” เมื่อเดือน ก.ย. 2564 จนถูกนายกรัฐมนตรีสั่งปลดฟ้าผ่ากระเด็นตกเก้าอี้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ยังโดน พรรคพลังประชารัฐ มีมติขับพ้นพรรคเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 หลังถูกยื่นเงื่อนไขขอโควตารัฐมนตรีช่วยเดิมคืน พร้อมขน ส.ส. รวม 21 คน ย้ายซบ พรรคเศรษฐกิจไทย ยิ่งเสมือนเป็น รัฐอิสระ คอยคอนโทรลพรรคเล็กจองล้างจองผลาญ “บิ๊กตู่” ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงเดือน ก.ค. 2565 หวังกดคะแนนนายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่น ๆ แล้วไปเทเสียงไว้วางใจให้ “บิ๊กป้อม” นำเป็นที่ 1 แต่พรรคเล็กไม่เอาด้วย จนเกิดไลน์หลุด “รับกล้วย” แฉกันยับ ต่อมาในเดือน พ.ย. 2565 ยังถูกโยง ทุนจีนสีเทา แต่ก็ไม่กระทบ ล่าสุด ธ.ค.นี้ “ธรรมนัส” ขน 11 ส.ส.กลับค่าย พปชร. สู้ศึกเลือกตั้ง ก็ต้องรอดูกันว่าในปี 2566 แมวเก้าชีวิต จะเจอมรสุมอะไรอีกหรือไม่

สีดาลุยไฟ

การเลือกตั้งครั้งใหม่กำลังจะมาถึง ทำให้น่าจับตามองการเปลี่ยนขั้วการเมือง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และส่วนสำคัญ คือผู้ท้าชิงเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี ของแต่ละพรรค แม้ “พรรคเพื่อไทย” ยังไม่เปิดชื่อแคนดิเดตชัด ๆ แต่สปอตไลต์ฉายไปที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ทายาทคนเล็กของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ซึ่งเริ่มงานการเมืองในฐานะ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรค

ทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” เปรียบเสมือน สีดาลุยไฟ ที่คุณพ่อปลุกปั้นส่งลงสนามใหญ่ เช่นเดียวกับคุณอา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ บวกกับ “ทักษิณ” เคลื่อนไหวผ่านรายการคลับเฮาส์แบบถี่ ๆ พร้อมท่องคาถา “อยากกลับบ้าน” แต่การจะกลับมาตุภูมิไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยคดีต่าง ๆ ที่ยังเผชิญ หาก อุ๊งอิ๊ง มีโอกาสขึ้นเป็นนายกฯ แม้มีอำนาจอันชอบธรรมเพื่อทดแทนพระคุณพ่อ แต่อาจต้องเผชิญแรงต่อต้านจากขั้วตรงข้ามที่พร้อมจุดปะทุปะทะเดือด

วาระร้อนองค์กรอิสระ

ตลอดปี 2565 ภารกิจขององค์กรอิสระหลายแห่งเกิดประเด็นร้อนมากมาย ไล่ตั้งแต่ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องวินิจฉัยเรื่องสำคัญ ๆ โดยเฉพาะกรณีมีมติเสียงข้างมากว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์” ยังไม่สิ้นสุดลง เนื่องจากดำรงตำแหน่งยังไม่ครบ 8 ปี ด้าน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เจอปมร้อนจากการคลอด กฎเหล็ก 180 วัน  ก่อนครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องห้ามคนการเมืองช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติ และทิ้งท้ายกันที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เร่งเดินหน้าคดีการเมืองสำคัญออกมาถี่มากขึ้น ทั้งคดีข้าวจีทูจีรอบ 2 คดีมันจีทูจี ที่มีชื่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงระดับอดีตนายกฯ แถมยังมีหลายคดีที่เกี่ยวพันนักการเมืองดัง อาทิ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ

“พิษแค้นการเมืองแบ่งขั้ว”

เกมการเมืองปีเสือ ที่ว่าดุเดือด อารมณ์ของผู้คนก็ดุดันไม่แพ้กัน ในภาวะการเมืองแบ่งขั้วได้ซึมลึกในสังคมไทยมายาวนาน จนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เมื่อ “วีรวิทย์ รุ่งเรืองศิริผล” หรือ ลุงศักดินาเสื้อแดง“ เข้าซัดหมัดเท้าเข่าศอกใส่ “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กลางวงสื่อระหว่างยื่นเรื่องร้องเรียนที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2565 แม้ “ศรีสุวรรณ บาดเจ็บทางกาย แต่คงเจ็บใจทวีคูณ

ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ เหมือนกับเป็นการเอาคืนของคนที่มีความคิดทางการเมืองขั้วตรงข้าม จากเหตุการณ์เมื่อที่ 23 ต.ค. 2565 “คเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชา” หรือ เค ร้อยล้าน“ บุกตะโกนกลางงานมหกรรมหนังสือระดับชาติว่ามีระเบิด พร้อมเข้าล็อกคอ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่กำลังแจกลายเซ็น สร้างความตื่นตกใจให้กับคนในงานจำนวนมาก ก่อนถูกจับดำเนินคดีไปตามระเบียบ.