จากกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถยนต์หรูยี่ห้อเบนท์ลีย์ สีเทา ของนายทุนพรรคการเมืองใหญ่ ทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน ทำตลาดสด และขายวัสดุก่อสร้าง ขับซิ่งแซงซ้ายพุ่งชนรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำ จนเกิดรถหมุนพลิกคว่ำบาดเจ็บทั้งคันรถ ซ้ำมีรถดับเพลิงอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ ที่กำลังมุ่งหน้าไปช่วยเหลือผู้ติดค้างเหตุเพลิงไหม้เบรกกะทันหันจนพุ่งชน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ รวม 4 ราย และรถยนต์คู่กรณีได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุคนขับเบนท์ลีย์ พยายามหลบหนีและมีอาการคล้ายเมาสุรา ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

คืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ บช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. แถลงข่าวเปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้พิจารณาแล้วว่า ผู้ขับขี่รถหรู มีความประมาท ดังนั้นในเบื้องต้น จึงแจ้งข้อหาผู้ขับขี่รถหรู คือ ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่น เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย และผู้มีและได้รับบาดเจ็บ สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้น ทางพนักงานสอบสวนกำลัง ต้องรอผลตรวจร่างกายของผู้บาดเจ็บทั้งหมด หากพบว่าผู้บาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสก็จะมีการแจ้งข้อความกล่าวหาเพิ่มเติมด้วย รวมถึงรอผลตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติด จากโรงพยาบาลตำรวจ และรอผลตรวจความเร็วของรถหรูคันดังกล่าวจากกองพิสูจน์หลักฐาน หาตรวจพบว่า ขับขี่เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม รวมถึงหากพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าผลการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายนั้นจะออกภายในวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค.)

‘ปาเจโร’ ย้ำไม่กลัวแม้ ‘เบนท์ลีย์’ ระดับบิ๊กอิทธิพล ลั่นถ้าตายขอแบบมีศักดิ์ศรี!

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการตรวจวัดแอลกอฮอล์นั้น ทางคนขับรถหรูได้ยินยอมให้มีการตรวจวัด แต่ผู้ขับรถหรู มีอาการบาดเจ็บที่หน้าอก ดังนั้นทางตำรวจได้ส่งตัวผู้ขับขี่รถเบนท์ลีย์ ไปตรวจเลือดภายในเวลาประมาณ 1 ชม.หลังเกิดเหตุ ซึ่งการตรวจเลือด มีความแม่นยำกว่าการตรวจวัดด้วยลมหายใจ (เป่า)

สำหรับกรณีที่คนขับรถหรูขึ้นรถแท็กซี่จากที่เกิดเหตุนั้น พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ได้มีการสั่งการให้ทางกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่ามีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือไม่ หากเฉี่ยวชนและหลบหนีเป็นความผิด นอกจากนี้ ยังโดนตัดแต้มใบขับขี่ 4 คะแนน จากระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ หรือตัดแต้มใบขับขี่ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ม.ค.นี้