กรณีเจ้าหน้าที่รัฐรีดเงินกลุ่มนักธุรกิจสีเทาชาวจีน 9.5 ล้านบาท แลกกับปล่อยตัวผู้ต้องหาในบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา นั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 ม.ค. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหลักฐานเกี่ยวกับการออกหนังสือคำสั่งการปฏิบัติราชการ ที่ลงนามโดย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ และแชตข้อความสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่หน้าห้องอธิบดีรายหนึ่ง ที่แชตข้อความขอสนับสนุนกำลังตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 เข้าร่วมตรวจค้นบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู ที่อาจจะขัดแย้งจากคำให้สัมภาษณ์ของอธิบดีดีเอสไอ ที่เผยว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น

นายอัจฉริยะ เผยว่า วันนี้นำข้อมูลมามอบให้เพื่อให้ตำรวจสอบและดำเนินคดีดีเอสไอ และผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยก่อนนี้ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษไว้กับ บก.ปปป. และ ป.ป.ช. ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว สอดคล้องกับพยานอีก 2 ปาก ที่จะเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติมว่า การกระทำของของผู้ที่เกี่ยวข้องในการออกคำสั่ง เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย เพราะพบพิรุธอีกหลายอย่างในขั้นตอนการออกคำสั่ง ยืนยันมีหลักฐานชัดเจนที่จะเอาผิดผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้

ขณะที่เดียวกันทางตำรวจ ได้เชิญตัวเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ รวม 3 ปาก เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบริหารคดีพิเศษ เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และระเบียบกฎเกณฑ์ ให้กับพนักงานสอบสวน โดยเผยว่า หนังสือที่นายอัจฉริยะนำมาเป็นหลักฐาน คือหนังสืออนุมัติปฏิบัติหน้าที่ราชการนอกสถานที่ ไม่ใช่หนังสือการอนุมัติในการสืบสวนคดี แต่ในส่วนของหนังสืออนุมัติคำสั่งสอบสวนคดี หากมีคำสั่งจริง ต้องไปดูว่า ชุดปฏิบัติงานทำนอกเหนือคำสั่งหรือไม่.