เมื่อวันที่ 6 ก.พ. จากกรณีที่พนักงานสอบสวนทั่วประเทศได้ออกหมายเรียก บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด และนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา จำหน่ายสลากเกินราคา ในทั่วพื้นที่ประเทศไทยกว่า 4,000 คดี โดยในวันนี้ (6 ก.พ.) ที่ศาลอาญา นายศุภชัย ทิพย์สิทธิ์ ทนายความของนายพันธ์ธวัช ยังระบุด้วยว่า การดำเนินคดีเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากคดีนี้มีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รับผิดชอบดำเนินการไปแล้ว ดังนั้น พนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนในเรื่องที่ดีเอสไอกำลังดำเนินการทุกเรื่อง จะต้องส่งสำนวนให้กับดีเอสไอภายใน 15 วัน

แต่จนถึงขณะนี้ยังพบว่าพนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้าส่งหมายเรียกนายพันธ์ธวัช ต่อเนื่อง เป็นเหตุให้นายศุภชัย เตรียมดำเนินการร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และองค์กรอิสระต่างๆ ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเหล่านี้นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และมีการกลั่นแกล้งหรือไม่ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวภายในกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า อันดับแรกต้องไปตรวจสอบว่าที่พนักงานสอบสวนดำเนินคดีนายพันธ์ธวัชนั้น เป็นฐานความผิดจากกรรมเดียวกันกับทางดีเอสไอหรือไม่ หากพบว่ามาจากการกระทำกรรมเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องส่งสำนวนมาให้ทางดีเอสไอภายใน 15 วัน เช่น ถ้าหากพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา จำหน่ายสลากเกินราคา ตรงนี้ก็ต้องส่งสำนวนมาให้ทางดีเอสไอ แต่เบื้องต้นทราบว่าทางดีเอสไอยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องสำนวนคดี 4,000 คดีดังกล่าว

“อาจจะเนื่องด้วยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบว่า แนวทางสำนวนคดีของดีเอสไอมีการดำเนินการในส่วนใดบ้าง และดีเอสไอก็ไม่ทราบว่าสำนวนของตำรวจดำเนินการในส่วนใดไปบ้าง เพราะรายละเอียดภายในสำนวน หรือพยานหลักฐาน จะไม่มีการเปิดเผยให้แก่กัน จึงทำให้ตำรวจไปดำเนินการแจ้งข้อหาจำหน่ายสลากเกินราคาแก่นายพันธ์ธวัช ดังนั้น นายพันธ์ธวัช จะต้องชี้แจงตัวเอกสารต่างๆ ที่ถูกดำเนินคดีจากดีเอสไอให้ทางตำรวจได้ตรวจสอบ หรือแจ้งถึงการสอบสวนของดีเอสไอ ที่ตนเองนั้นถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการจำหน่ายสลากกินแบ่งฯ เพื่อยืนยันว่าเป็นการดำเนินคดีในฐานความผิดเรื่องเดียวกัน กรรมเดียวกันกับดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากนี้ทั้งสองหน่วยงาน ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องประสานกัน” แหล่งข่าวอธิบายเพิ่มเติม

แหล่งข่าวระบุต่อว่า จริงๆ แล้วทางดีเอสไอได้มีการดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายพันธ์ธวัช คือ ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและจัดให้มีการเล่นการพนัน ซึ่งข้อหาการจัดให้มีการเล่นพนัน ก็เป็นการดำเนินคดีในส่วนของการจำหน่ายสลากกินแบ่งฯ ที่อยู่บนแฟลตฟอร์มของเขาทุกใบ ซึ่งถ้าตำรวจได้ไปดำเนินคดีกับนายพันธ์ธวัชเกี่ยวกับใบสลากใดที่เป็นใบเดียวกับที่ดีเอสไอดำเนินการไปแล้ว นายพันธ์ธวัชก็ต้องแจ้งแก่พนักงานสอบสวน หรือแจ้งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าใบสลากดังกล่าว ทางดีเอสไอได้ดำเนินการไปก่อนแล้ว ในลักษณะเช่นนี้ต้องรวมสำนวนคดีหรือไม่ เพราะทางนายพันธ์ธวัชจะรู้ดีว่าดีเอสไอได้ดำเนินการกับสลากกินแบ่งใบใดไปแล้วบ้าง

สำหรับขั้นตอนที่จะเป็นไปได้หลังจากนี้ของนายพันธ์ธวัชนั้น แหล่งข่าวระบุว่า นายพันธ์ธวัชจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตัวเองถูกดำเนินคดีในส่วนข้อกล่าวหาล่าสุด (จำหน่ายสลากเกินราคา) ว่ามันเป็นเรื่องเดียวกับที่ถูกดีเอสไอสอบสวนไปแล้ว รวมถึงจะต้องนำสลากใบจริงหรือพยานหลักฐานเพื่อชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน จากนั้นทางตำรวจจะต้องส่งหนังสือมาสอบถามทางดีเอสไอว่า เป็นการดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาในเรื่องเดียวกันตามที่นายพันธ์ธวัชกล่าวอ้างหรือไม่ หากดีเอสไอตรวจสอบพบว่าเป็นเรื่องเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวนก็จะได้รับแจ้งตอบกลับ ท้ายสุดพนักงานประจำสอบสวนก็ต้องส่งสำนวนพร้อมพยานหลักฐานที่ได้รวบรวมไว้ทั้งหมดนั้น (หากเป็นเรื่องเดียวกัน) มาให้ดีเอสไอภายใน 15 วัน ดำเนินการแจ้งข้อหาเอง แต่ถ้าไม่ใช่ หรือเป็นคนละเรื่องก็ไม่ต้องโอนสำนวนมาให้ดีเอสไอ

ส่วนผลต่อสำนวนคดีที่จะมีหลังจากนี้ แหล่งข่าว อธิบายว่า จะมีผลต่อการเพิ่มกรรมจากการกระทำความผิด สมมุติกรรมละ 1 ปี ก็จะเป็นการเพิ่มกรรมเข้าไป ซึ่งจริงๆ แล้ว โทษของทางตำรวจถือว่าเป็นโทษปรับ เพราะว่าเป็นการจำหน่ายสลากเกินราคา แต่การจำหน่ายสลากเกินราคานั้น ทางดีเอสไอถือว่าเป็นการจัดให้มีการเล่นการพนัน ซึ่งจะมีโทษจำคุก 1 ปี อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอก็สามารถแจ้งข้อหาจำหน่ายสลากเกินราคาแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อยู่แล้ว หรือเรียกว่ากรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท

ทั้งนี้ หากพบว่าเรื่องจำหน่ายสลากเกินราคา ที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่นายพันธ์ธวัช เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาจากความผิดฐานเดียวกันกับดีเอสไอ จากนั้นเมื่อดีเอสไอได้รับการโอนสำนวนมาจากพนักงานสอบสวนแล้ว ก็จำเป็นจะต้องเรียกนายพันธ์ธวัช มาแจ้งข้อกล่าวหาจำหน่ายสลากเกินราคาต่อไป.