ภายหลังจากที่คณะธุรกรรม หรือ บอร์ด ปปง. ได้ยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีแชร์ FOREX-3D จำนวนหลายรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ เพนท์เฮาส์หรูแห่งหนึ่ง ภายในซอยสุขุมวิท มูลค่า 245 ล้านบาท อดีตเป็นทรัพย์สินของนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหาร Forex-3D ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครอยู่ในขณะนี้ เนื่องด้วยเป็นจำเลยคดีหมายเลขดำ อ.853/2564 ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 อย่างไรก็ตาม จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอพบว่าเพนท์เฮาส์ดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนชื่อผู้ถือครอง เป็น นายรามา รัศมีรามา หรือ เมฆ (สามีของนักแสดงสาวชื่อดัง หยาดทิพย์ ราชปาล) ก่อนที่นายอภิรักษ์ โกฎธิ จะถูกดำเนินคดีแชร์ Forex-3D ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 25 ก.พ. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรมว่า เพนท์เฮาส์แห่งนี้ นายรามา ซื้อผ่านนายหน้าบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ที่รับซื้อ-ขายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นการซื้ออย่างถูกต้อง ดังนั้น การได้มาของทรัพย์สินจึงเป็นการได้มาอย่างถูกต้อง เพราะนายรามาไม่ได้ซื้อผ่านนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหาร Forex-3D โดยตรง ดังนั้น ในช่วงการทำคดีขณะนั้น ดีเอสไอจึงไม่ได้ยึดอายัดไว้ แต่ส่งบัญชีทรัพย์สินและรายชื่อของบริษัทเอกชนที่รับซื้อ-ขาย ไปให้ทาง ปปง. ดำเนินการตรวจสอบว่าเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องหรือไม่ และเงินที่นายรามา นำไปซื้อเพนท์เฮาส์ มีที่มาอย่างไร บริษัทเอกชนที่รับฝากซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีการจ่ายภาษีถูกต้อง มีการโอนถูกต้องหรือไม่ เป็นต้น นอกจากนี้ นายรามา ยังเคยเข้ามาชี้แจงกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ถึงการได้มาของเพนท์เฮาส์ โดยเป็นการสอบปากคำจากคดีมูลฐาน Forex-3D รวมถึงยังได้มีการสอบปากคำบริษัทเอกชนที่รับซื้อ-ขายทรัพย์สินนั้น และเมื่อพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายรามากับบริษัทเอกชนแห่งนี้เสร็จสิ้น ก็พบว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ดีเอสไอจึงส่งรายการทรัพย์สินดังกล่าวให้ทาง ปปง. ดำเนินการตรวจสอบทางแพ่งต่อไป โดยที่ไม่ได้จบเพียงชั้นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้เกิดความครอบคลุมครบถ้วนมากที่สุด

“การจะผิดฐานฟอกเงินได้ คือ ต้องเป็นการเอาทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดทางอาญา ยกตัวอย่างเช่นนายเอ นำเงินไปซื้อคอนโดมิเนียม และมีการฮั้วกันกับนายบี โดยที่นายบีรู้ กรณีนี้นายบีจะถูกแจ้งข้อหาฟอกเงินในทางอาญา แต่ถ้านายบีไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง หรือ ไม่ได้รู้จักกับนายเอ แต่ซื้อทรัพย์สินของนายเอผ่านบริษัทเอกชนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น นายบีจะไม่อยู่ในขบวนการฟอกเงินให้กับนายเอ ทำให้นายบีไม่มีความผิดฐานฟอกเงินในคดีอาญา” แหล่งข่าว ขยายความ

ส่วนนายรามา จะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือไม่ แหล่งข่าว ระบุว่า เท่าที่ตนได้รับรายงานมา ทราบว่าที่ผ่านมา นายรามา เคยเข้าชี้แจงเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าวกับทาง ปปง. เเล้ว ทำให้คดีขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลแพ่ง ทั้งนี้ ตามหลักขั้นตอน หากศาลพบว่ามีความผิด ศาลก็จะมีคำสั่งยึดให้ทรัพย์สินตกเป็นของเเผ่นดิน และบุคคลดังกล่าวจะมีความผิดฐานฟอกเงิน แต่ถ้าไม่พบความผิด ศาลก็จะยกฟ้อง และคืนทรัพย์สินให้กับเจ้าของ

แหล่งข่าว ระบุอีกว่า นายรามา ไม่ได้มีส่วนในการกระทำความผิดเรื่องแชร์ Forex-3D ร่วมกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ทั้งในบทบาทการเป็นส่วนหนึ่งของทีม การร่วมลงทุน หรือรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ตรงนี้จากแนวทางการสืบสวนที่ผ่านมา ไม่มีรายชื่อของนายรามา เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน และจากผลการสอบปากคำของดีเอสไอชุดทำคดีแรก นายรามาก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับนายอภิรักษ์ และไม่พบว่ามีการติดต่อสื่อสารกันทางโทรศัพท์

เมื่อถามว่านายรามา มีการซื้อเพนท์เฮาส์ดังกล่าวมาก่อนที่นายอภิรักษ์ โกฎธิ จะถูกดำเนินคดี เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แหล่งข่าวยืนยันว่า นายรามา ซื้อเพนท์เฮาส์แห่งนี้มาก่อนที่นายอภิรักษ์ จะถูกดีเอสไอดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชนจากคดีแชร์ Forex-3D และการที่ ปปง. ดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินทางแพ่งหลังจากดีเอสไอส่งบัญชีทรัพย์สินในคราวนั้น ก็จะทำให้ ปปง. ขยายผลได้อีกว่า ทรัพย์สินต่างๆ ของนายรามา มีที่มาอย่างไร โดยเฉพาะเงินที่นายรามา นำไปซื้อเพนท์เฮาส์ดังกล่าว ซึ่งอาจจะเป็นเงินที่มาจากการทำมาหาชีพสุจริตหรือไม่ ตรงนี้คือสาระสำคัญ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามไปยัง พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่า เดิมทีเมื่อปี 2563 สำนวนการสอบสวนคดีแชร์ Forex-3D อยู่ในการดำเนินการของคณะทำงานชุดแรก ซึ่งได้เคยมีการเรียกสอบปากคำนายรามา รวมถึงบริษัทเอกชนที่รับซื้อ-ขายเพนท์เฮาส์ดังกล่าวไปแล้ว แต่เนื่องด้วยไม่พบความเกี่ยวข้องจึงมีการส่งบัญชีทรัพย์สินให้ทาง ปปง. ดำเนินการตรวจสอบทางแพ่งอีกชั้น เพื่อให้ครอบคลุม ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดย พ.ต.ต.สุริยา เผยว่า เป็นข้อเท็จจริง แต่หลังจากนี้จะเป็นการดำเนินคดีความผิดต่อเนื่องที่มาจากความผิดมูลฐานเดิม หรือ คดีแชร์ Forex-3D โดยประเด็นการซื้อเพนท์เฮาส์ของนายรามา จะเข้าไปอยู่ในส่วนของสำนวนคดีฟอกเงินหรือ คดีพิเศษที่ 36/2563 ซึ่งเป็นเลขคดีเดียวกับนายปราปต์ปฎล ตามที่ได้เเจ้งไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้นายรามา ได้เข้ามาให้การชี้แจงในฐานะพยานเกี่ยวกับการได้มาของทรัพย์สินดังกล่าวก่อน อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนคดีฟอกเงิน ก็ยังคงมีการตรวจสอบทรัพย์สินรายการอื่นๆ ของอีกหลายบุคคลที่เล็งเห็นว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากนายอภิรักษ์และพวก โดยจะต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด.