เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากการเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พ.ค. 66 น.ส.แพองธาร จะดีใจมาก เพราะจะได้คลอดแล้วออกมาช่วยปราศรัยใหญ่ให้พรรค พท. ช่วงโค้งสุดท้ายว่า ตนมีกำหนดคลอดปลาย เม.ย.ถึงต้น พ.ค. ตนไม่อยากคลอดในวันเลือกตั้ง เพราะจะทำให้ไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าหากวันเลือกตั้งเป็น 14 พ.ค. จริง ๆ ก็คงดี เพราะจะได้มีโอกาสขึ้นปราศรัยใหญ่

เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณกล่าวถึงบัตรสวัสดิการต่าง ๆ หากพรรค พท. เป็นรัฐบาลจะทำได้มากกว่า 1,000 บาท น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นความหวัง พรรค พท.มีนโยบายผลักดันเศรษฐกิจภาพรวม ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท นโยบายเพื่อเกษตรกร นโยบายที่เราทำเป็นตัวผลักดันภาพรวมเศรษฐกิจ ย้ำว่าเราคิดใหญ่ทำเป็นนโยบายมุ่งหวังให้ประชาชนกินดีอยู่ดีทั้งระบบ

เมื่อถามต่อว่าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวหาว่า พรรค พท.ก๊อบปี้นโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราไม่สามารถก๊อบปี้นโยบายที่เราริเริ่มได้ ออริจินัลมาจากเรา อาจจะต้องรบกวนขอให้หาข้อมูลเพิ่ม ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ได้หัวเราะกับคำตอบของตัวเอง พร้อมกล่าวติดตลกว่า “ไม่ได้ตั้งใจค่ะ”

ผุ้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวบิ๊กเนมอย่างกลุ่มของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และแกนนำกลุ่มสามมิตร จะย้ายมาอยู่กับพรรคพท. น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยินดีต้อนรับศิษย์เก่าของพรรคไทยรักไทย (ทรท.)​ และพรรค พท.ทุกท่าน เพราะเป้าหมายของเราคือพัฒนาประเทศ ใครที่มีเป้าหมายเดียวกันกับเรา เรายินดีต้อนรับเพื่อให้ประเทศไปต่อ ส่วนเรื่องตำแหน่งไม่มีการพูดถึง

ทางด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค กล่าวว่า จากคำให้สัมภาษณ์ของ นายสมศักดิ์ ท่านรอ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ตัดสินใจ คาดว่าจะมีการตัดสินใจภายในสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้า แต่ในพรรค พท. เราไม่ได้มีการคุยกัน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน ทั้งนี้ ส.ส.ในกลุ่มท่านบางคนย้ายมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของเราแล้ว

เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ของ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงเป็นครั้งแรกในวันนี้ที่เขตคลองเตย ส่วนตัวได้ให้กำลังใจหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงนะคะ ตนพูดผิดมาหลายเวที เหงื่อตกมาหลายเวที เชื่อว่านายเศรษฐาน่าจะทำได้มากกว่าอยู่แล้ว ตนขอให้กำลังใจ

น.ส.แพทองธาร ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณวงเงิน 6.8 หมื่นล้านบาท ก่อนมีการยุบสภา ว่า งบประมาณที่มีผลผูกพันทุกงบที่มีอยู่ก็ต้องจัดการ ซึ่งเรามีผู้ที่มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว เราต้องประชุมร่วมกันทั้งหมด เพื่อใช้ภาษีของประชาชนให้คุ้มค่ามากที่สุด

ทางด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า เรื่องงบประมาณต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.งบประมาณผูกพันที่ทำให้ก่อหนี้ และ 2.เป็นงบประมาณผูกพันตามข้อกฎหมาย ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลที่จะเข้ามารับช่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนต้องดำเนินการตามนั้น จึงขอบอกกับประชาชนว่า ถ้าอนุมัติในยุคนี้ เป็นภาระของพี่น้องประชาชนต้องช่วยกัน ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาต้องัรบผิดชอบต่อ เช่น การเพิ่มเงินเดือนให้กับ อสม. 2 พันบาท อนุมัติหลักการตามกฎหมาย เมื่อเป็นมติ ครม.และมีผลใช้บังคับ ก้ต้องรับภาระนี้ สำหรับพรรค พท. เราไม่ห่วงในเรื่องดังกล่าว เราสามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้ มั่นใจว่าทำได้ดีกว่า เพราะเราหาเงินเก่ง.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ น.ส.แพทองธาร พร้อมด้วย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ และ ส.ส., ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หญิง และ ส.ก.หญิง จากพรรค พท. ร่วมแถลงข่าวนโยบายเพื่อผู้หญิง เนื่องในวันสตรีสากล ภายใต้ธีม “DigitALL: Innovation and technology for gender equality” นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ” โดยผู้เข้าร่วมมีการสวมเสื้อ Embrace Equity โอบกอดความเสมอภาค เพื่อแสดงจุดยืนความเสมอภาคทางเพศของพรรค พท.

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรค พท. เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสต่างๆ และจะเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความเท่าเทียมทางเพศ โดยมีนโยบาย 2 อย่างที่จะสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศอย่างทั่วถึง นโยบายแรกคือ การยกระดับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ด้วยเทคโนโลยี ให้ผู้หญิงทุกคนเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทักษะ ซึ่งเดิมทีกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี คือหนึ่งในความสำเร็จของการสร้างความเท่าเทียมทางเพศให้เกิดขึ้น ในสมัยรัฐบาลพรรค พท.โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีกรอบความรับผิดชอบ 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน, การพัฒนาทักษะอาชีพ, และการดูแล ปกป้องสิทธิสตรี, ผู้ด้อยโอกาส, ผู้พิการ และผู้สูงอายุ เพื่อดูแลประชากรหญิงครอบคลุมทุกมิติ

ในปัจจุบันการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการหญิงยังเป็นปัญหา จากข้อมูลธนาคารโลก ระบุว่า ในประเทศกำลังพัฒนา ผู้ประกอบการหญิง มีจำนวนเพียง 30% และมีถึง 70% ที่ไม่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันการเงิน โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในภาคค้าปลีกซึ่งเติบโตน้อย กำไรน้อย และยังขาดเทคโนโลยี พรรค พท. จึงมีนโยบายต่อยอดความสำเร็จของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ผ่านการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาศักยภาพกองทุน โดยเทคโนโลยีจะเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน ทำให้เกิดการสร้างคน สร้างเครือข่าย เชื่อมตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพการเข้าถึงนวัตกรรม และเพิ่มการปกป้องสิทธิต่าง ๆ เพื่อผู้หญิงทุกคนได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม รวมถึงสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างภาคภูมิ

ส่วน นโยบายที่ 2 คือ การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรีสำหรับผู้หญิงทุกคน เนื่องจากสาเหตุการเสียชีวิตของหญิงไทยเกิดจากมะเร็งปากมดลูกเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ซึ่งพรรค พท.ได้เห็นถึงความสำคัญของสุขภาวะในเพศหญิงและมีแนวทางลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันให้กับผู้หญิงทุกคนที่ยังไม่ติดเชื้อ HPV โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เรื่องของความเท่าเทียมทางเพศในประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากการเคยมีนายกรัฐมนตรีหญิง มีผู้หญิงอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง และในภาคการเมือง ผู้หญิงก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค พท. มีสัดส่วนผู้สมัคร ส.ส.หญิง 20% มากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนที่มี 15% โดยไม่ได้มีการจำกัดเพศในการคัดเลือกผู้สมัคร แต่มาจากความเหมาะสมเป็นหลัก

“พรรค พท. ยึดหลักความเสมอภาคทางเพศ เราจะทำให้เพศไม่ใช่อุปสรรคในการใช้ชีวิต เรายืนหยัดที่จะทำให้ทุกคนสามารถสานฝัน ทำในสิ่งที่ทุกคนต้องการ ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน ทุกคนสามารถเป็นทุกสิ่งที่คุณต้องการได้” น.ส.แพทองธาร กล่าว.