เมื่อวันที่ 16 มี.ค. สภ.บางบัวทอง น.ส.เอ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 53 ปี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังจากเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายโด้ (นามสมมุติ) แต่ยังไม่มีความคืบหน้า หวั่นไปก่อเหตุหลอกเหยื่อรายอื่น หลังเมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค. 66 ที่ผ่านมา น.ส.เอ ได้มีการแชตคุยกับ นายโด้ ผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ โดยลักษณะการแชตเป็นลักษณะของการที่ นายโด้ ทักเข้ามาจีบ และบอกว่าขับรถรับจ้างอยู่ที่พัทยา และมีสวนทุเรียนอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี และสัญญาว่าจะแต่งงานกัน ก่อนจะหลอกขอยืมเงินไปร่วมแสนบาท หลังจากได้เงินกลับหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้

น.ส.เอ เล่าว่า เมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ตนได้รู้จักกับ นายโด้ ผ่านแอปหาคู่ที่ ซึ่งตนก็เพิ่งจะเล่นแอป ในลักษณะหาคู่เป็นครั้งแรก โดยที่ นายโด้ เป็นฝ่ายทักเข้ามาจีบตนก่อน ต่อมาก็ได้มีการพูดคุยกันในลักษณะตกลงเป็นแฟนกัน ในระหว่างที่เริ่มคุยกัน นายโด้ ได้มาขอยืมเงินของตนโดยอ้างว่าจะต้องเติมน้ำมันรถ เพื่อใช้ในการรับ-ส่งผู้โดยสาร และจะต้องซื้อยาไปกำจัดแมลงและหนอนที่สวนทุเรียน จ.อุบลราชธานี โดยจะคืนเงินให้ทีหลัง ซึ่งระหว่างที่คุยกัน นายโด้ พูดจามีความน่าเชื่อถือมาก ตนจึงเชื่อใจ และได้ทำการโอนเงินไปให้หลายต่อหลายครั้ง โดยการโอนแต่ละครั้งมีตั้งแต่ 1,000-20,000 บาท ซึ่งทำการโอนเงินไปทั้งหมด 16 ครั้ง เป็นเงิน 69,000 บาท และได้ให้เงินสดอีก 10,000 บาท รวมทั้งหมด 79,000 บาท

น.ส.เอ เล่าต่อว่า ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยได้เงินคืนเลยซักบาทเดียว และยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกเวลาที่ นายโด้ มาหาตนที่บ้าน รวมแล้วเกือบแสนบาท ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 20 กว่าวันเท่านั้น เรียกได้ว่าโอนเงินให้ นายโด้ วันเว้นวันเลยก็ว่าได้ ซึ่งตอนแรกตนก็ไม่ได้สงสัยอะไรด้วยความเชื่อใจ แต่มารู้สึกผิดปกติตอนที่เริ่มติดต่อไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะทางแอป หรือทางไลน์ โทรฯ ไปหาก็ไม่ยอมรับสาย จนตนเข้าไปเห็น นายโด้ โพสต์รูปในโซเชียล และมีน้องผู้หญิงคอมเมนต์ในลักษณะของการถูกยืมเงิน จึงได้ติดต่อสอบถามและทราบความจริงว่า นายโด้ ก็ไปหลอกขอยืมเงินน้องผู้หญิงคนนี้เช่นกัน ตนจึงได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย

น.ส.เอ เล่าต่อไปอีกว่า ตอนที่คุยกันไปสักพัก นายโด้ บอกว่า อยากจะแต่งงานกับตน และได้มีการนัดหมายว่าช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ นายโด้ จะมาทำพิธีขอขมาและแต่งงานด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้พานายโด้ เข้ามาทำความรู้จักกับที่บ้านเรียบร้อยแล้ว และเคยพากันไปเที่ยวถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ไปเที่ยวที่พัทยา ซึ่ง นายโด้เคยบอกกับตนว่า ได้ซื้อบ้านอยู่ที่พัทยา แต่พอไปถึง นายโด้ กลับบอกตนว่า ได้ให้เช่าบ้านหลังนี้ไปแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 27-28 ม.ค. ก็ได้ไปเที่ยวกันที่งานแห่งหนึ่ง และ นายโด้ ได้บอกกับตนว่า วันที่ 17 ก.พ. จะพาตนไปเที่ยวที่สวนทุเรียนของเขา

“โดยครั้งสุดท้ายที่ติดต่อได้คือ วันที่ 12 ก.พ. หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย ก่อนหน้านี้ตอนที่ นายโด้ บอกว่าจะมาทำพิธีขอขมาและแต่งงานกับตนนั้น ตนยังได้คุยกันว่าจะนำเงินทั้งหมดที่ให้ นายโด้ เอาไปทำบุญ โดยตั้งใจจะนำไปสร้างกุฏิพระที่วัด แต่ก็มาโดนหลอกแบบนี้ ส่วนเงินที่ นายยโด้ ได้มาขอยืมตนไปรวมเกือบแสนนั้น เป็นเงินเก็บที่ตนใช้เวลาเก็บถึงสองปี ซึ่งเงินจำนวนนี้ ตนเก็บสะสมเอาไว้เพื่อที่จะนำไปทำบุญสร้างกุฏิพระ ในช่วงวันสงกรานต์นี้ รู้สึกเสียใจและเครียดมาก ต้องกินยานอนหลับทุกคืน ไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก เพราะคงมีคนที่โดนหลอกมาก่อนหน้าตนอีกหลายคน และหลังจากนี้ก็คงจะมีคนโดนหลอกอีกเพราะพฤติกรรมของเขาหลอกได้อย่างแนบเนียนมาก ก็อยากฝากเตือนคนที่เล่นแอปหาคู่แบบนี้ ให้ใช้ความระมัดระวังด้วย อย่าไว้ใจมาก และหากมีใครที่โดน นายโด้ คนนี้หลอกเหมือนตน ก็อยากให้ออกมาช่วยกันเอาคนผิดเข้าคุก จะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นอีก” สาวขี้เหงา กล่าว.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเล่นแอปหาคู่ดังกล่าว มีอันตรายน่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ได้มีสาววัย 28 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ก็เล่นแอปหาคู่ดังกล่าวเช่นเดียวกัน จนมีฝ่ายชายชื่อ นายมิกกี้ หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย-อเมริกัน ทักมาพูดคุย ต่อมาได้ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายทุบตีและกัดอวัยวะเพศฝ่ายหญิง จนต้องเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ และเป็นข่าวครึกโครมไปก่อนหน้านี้.