เมื่อวันที่ 21 มี.ค. พล.ต.ต.สำเริง สวนทองรอง ผบช.น., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร รอง ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ 1, พ.ต.ท.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 และ พ.ต.ท.พุฒิพัฒน์ โกยมวงศ์เจริญ สว.งานสายตรวจ 3 กก.สายตรวจ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติคดีสำคัญ 3 คดี

โดยคดีแรกเป็นการจับกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดส่งพื้นที่ภาคกลาง จับกุมผู้ต้องหา 6 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 1,078,000 เม็ด รถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ สี ดำ ทะเบียน พม 3517 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์วี สีน้ำเงิน ทะเบียน 2 ขต 3617 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สีเทา ทะเบียน 9 กร 6539 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ได้ภายในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ถนนมิตรภาพ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา สืบเนื่องจากชุดสืบสวนสืบทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะไปรับยาเสพติดตามแนวชายแดน จ.นครพนม ก่อนจะใช้เส้นทาง จ.อุบลราชธานี ลงมาพื้นที่ภาคกลางเพื่อนำมาส่งให้กับลูกค้า ซึ่งกลุ่มเครือข่ายนี้ จะใช้รถเก๋งในการบรรทุกยาเสพติด และมีรถยนต์ 2 คัน เป็นรถนำทางเพื่อตรวจสอบเส้นทางในการเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้รอดพ้นจากการตรวจค้นจับกุม จึงได้ทำการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว กระทั่งพบรถต้องสงสัยขับมาบริเวณดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นก็พบยาบ้า 1,078,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในท้ายรถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ สี ดำ ทะเบียน พม 3517 กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการตรวจยึด และแจ้งข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 แมทเอมเฟตามีน (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า

คดีที่สอง จับกุมนายสุริยา หรือยา อายุ 41 ปี นายพรพรหม หรือปอนด์ อายุ 27 ปี และนายพิชัย หรือเด้ง อายุ 27 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 130,000 เม็ด อาวุธปืน ยี่ห้อกล็อก 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 10 นัด รถจักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยจับกุมได้ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี คลองหก ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ต่อเนื่อง บริเวณริมถนนรังสิตนครนายก (คลองสอง) ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังสืบทราบว่า จะมีการซื้อขายส่งมอบยาเสพติด โดยใช้ห้างสรรพสินค้าดังกล่าวเป็นสถานที่ในการส่งมอบ จึงได้นำกำลังไปสังเกตการณ์ กระทั่งพบผู้ต้องหาทั้งสามราย อยู่ที่ห้างดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น จากการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจยึด สอบสวนให้การรับว่า ได้รับค่าจ้างในการจำหน่ายยาเสพติดครั้งนี้ประมาณ 100,000 บาท และจะนำค่าจ้างมาแบ่งกัน ซึ่งทั้งสามเป็นกลุ่มเครือข่าย “อาร์ทต่ำเอี่ยว” เอเย่นต์รายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ทั้งสามรายเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย

คดีที่สาม เป็นการทลายเครือข่ายชำแหละรถยนต์ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน หลังได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีขบวนการแก๊งโจรกรรมชำแหละรถยนต์ขายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้อู่ซ่อมรถยนต์ไม่มีเลขที่ ถนนพุทธมณฑล ซอย 20 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่ชำแหละ โดยกลุ่มคนร้ายมีพฤติกรรมกว้านหาซื้อรถยนต์หลุดจำนำหรือรถยนต์หนีไฟแนนซ์ หรือ หลอกลวงผู้ครอบครองรถยนต์ว่าจะเช่ารถยนต์ แต่แท้จริงแล้วตั้งใจเพื่อให้ได้รถยนต์มาในราคาถูกโดยใช้กลอุบายหลอกทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลายาว ทำให้ยากต่อการตรวจสอบของผู้ให้เช่า ซึ่งกว่าผู้ให้เช่าจะทราบว่า รถยนต์ถูกนำมาถอดชิ้นส่วน และนำรถยนต์มาถอดแยกชิ้นส่วน โดยนำเครื่องยนต์ โครงรถยนต์ไปขายให้ลูกค้า ตามที่ลูกค้าต้องการ และนำโครงแชสซีไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ใกล้เคียง โดยเริ่มเฝ้าติดตามพฤติกรรมเป็นเวลากว่า 1 เดือน พบรถยนต์ถูกนำมาถอดแยกชิ้นส่วนขายแล้วไม่ต่ำกว่า 7 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งมีผู้เสียหายแจ้งความไว้หลายท้องที่ กระทั่งต่อมาชุดสืบสวนได้ติดตามจนพบรถยนต์ที่มีการแจ้งหายไว้ในท้องที่ สภ.บางเสาธง จอดเติมน้ำมันภายในปั๊มบางจาก ริมถนนเอเชีย 32 ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เชิญตัวนายเอก เจริญบุญดีจริง ซึ่งเป็นคนขับมาทำการสอบสวน ก่อนนำกำลังไปตรวจค้นที่อู่ดังกล่าว พบของกลางโครงรถกระบะ และโครงรถยนต์ และป้ายทะเบียนรถหลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ ทั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเลขตัวถัง ป้ายทะเบียน และประสานผู้เสียหาย เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป.