เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดลำไห ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “พรรคเปลี่ยน” โดยมีนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส หัวหน้าพรรคเปลี่ยน จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2566 มีวาระสำคัญกล่าวพบปะสมาชิกพรรค พร้อมกับแนะนำคณะกรรมการ ตัวแทนสาขาทั้ง 4 ภาค รวมถึงการเปิดใจเกี่ยวกับนโยบายพรรค ที่มุ่งเน้นช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่ระดับรากหญ้า ชูสโลแกนเปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาส ก่อนที่จะเข้าสู่วาระการประชุมสามัญประจำปี ในโอกาสนี้ทางพรรคเปลี่ยน ได้จัดการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครก่อนปิดการประชุม ภายในงานมีสมาชิกพรรคที่เป็นชาวบ้าน ทั้งในและนอกพื้นที่ เข้าร่วมกว่า 500 คน และมีผู้ลงทะเบียนจำนวน 280 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากปิดการประชุม นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ พร้อมคณะกรรมการพรรคฯ และสมาชิก ได้ร่วมกันจุดประทัด 1 แสนนัด เสมือนเป็นการประกาศลงสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างเป็นทางการ หลังจากประทัดหมด นอท กองสลากพลัส ได้เดินไปหยิบเลขหางประทัด 196 ซึ่งผู้ที่มาร่วมงานต่างรุมกันถ่ายรูป พร้อมนำไปซื้อ เพื่อหวังโชคซื้อลอตเตอรี่กันเกลี้ยงแผง และทั้งนี้ยังได้มีชาวบ้านและผู้ที่มาร่วมงาน ต่างขอถ่ายภาพกับ “นอท กองสลากพลัส” เป็นจำนวนมาก

นายพันธ์ธวัช กล่าวว่า ตนเกิดและเติบโตอยู่ในชั้นล่างของสังคม ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ที่ผ่านมาต่อสู้มาเยอะแยะในชีวิตนี้ ตนมองเห็นหลายอาชีพเจอปัญหามาหลายอย่าง และรู้ว่ามันปัญหามันคืออะไร อยากเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว แต่ว่าโอกาสในการเปลี่ยนแปลงมันไม่มี เพราะว่าตนต้องทำมาหากิน จนวันนี้ตนคิดว่าพร้อมแล้ว ไม่ใช่พร้อมเรื่องการเงิน แต่พร้อมเรื่องที่รู้จักคนมีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ ก็เลยอยากทำการเมือง เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

สำหรับคอนเซปต์คำว่าเปลี่ยน คือ เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญหา และเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาส ปัญหาที่ประเทศไทยไม่เคยพูดถึง เช่น ปัญหาโสเภณีก็บอกไม่มี ปัญหาเรื่องราคาหวย 80 บาท ปัญหาต่างๆ ที่ซุกไว้ใต้พรม ตนอยากจะเปลี่ยนให้เป็นปัญหา พอเป็นปัญหาแล้วจะมีการเกิดการแก้ไข หลังจากแก้ไขปัญหาเหล่านั้นจะเป็นโอกาส อย่างเช่นเราไม่เคยดูแลคนทำงานกลางคืนเลย ไม่เคยดูแลอาชีพที่ทนรับแรงกดดันเยอะๆ เลย ถ้าเราดูแลประชาชนในกลุ่มที่มีปัญหาดี เศรษฐกิจมันก็จะดีขึ้นตามมา ความจริงขึ้นมากองไว้บนโต๊ะ เลิกตอแหล คุยกันตรงๆ สักทีว่า ประเทศมันมีปัญหาอะไรบ้าง แล้วก็หยิบขึ้นมาแก้ หลังจากที่แก้ได้แล้ว จะมีโอกาสตามมาจากปัญหาเหล่านั้นอีกเยอะ

นอท เผยอีกว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ ได้รับความอบอุ่นจากชาวบ้านที่มาต้อนรับเป็นอย่างดี พรรคเปลี่ยนมีสาขาพรรคทั้งหมด 4 ภาค จ.ตรัง เป็นสาขาสุดท้ายที่ตั้งขึ้นมา จึงเชิญประธานสาขาพรรคมาประชุมสามัญ ส่วนการลงพื้นที่หาเสียงหลักๆ จะเป็นทางออนไลน์เนื่องจากเวลามันน้อยมากและทีมงานตนมีน้อย ประกอบกับพรรคเปลี่ยนของตน ผ่าน กกต. ช้าที่สุด เพราะฉะนั้นเราไม่มีเวลา เราจึงเน้นการหาเสียงออนไลน์ ส่วน ส.ส.เขต ตอนนี้มี 7 เขต ที่จะส่งผู้สมัครลง ตอนนี้มีคนให้ความสนใจเยอะ แต่ยังอยู่ในระหว่างการพูดคุยและพิจารณา ในเรื่องเหตุผลทางการเมืองที่ยังไม่ค่อยตรงกัน และปาร์ตี้ลิสต์ 7 ราย ส่วนกฎกติกาในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนมองว่าต้องไปดูตอนนับคะแนน คือกติกาเป็นยังไงช่างมัน อยู่ในมือพวกผู้มีอำนาจ การนับคะแนนต้องโปร่งใส และต้องนับต่อหน้าประชาชน

เราเกิดมาพวกเรารู้ปัญหา เราเป็นคนแบบเดียวกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้หาเช้ากินค่ำ พนักงานออฟฟิศ ตนผ่านทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว แม้กระทั่ง CEO ก็เคยเป็น ถึงตนเคยมีธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน ตนก็ยังโดนรังแก โดนกดดัน จนตอนนี้ต้องกลับมาสู่จุดเริ่มต้น ถ้าอยากได้คนที่เข้าใจปัญหา อยากได้คนที่เข้าใจประชาชน ขอโอกาสให้เข้าไปทำการเมือง เลือกปาร์ตี้ลิสต์พรรคเปลี่ยน

ส่วนนโยบายหลัก คือการแก้ปัญหาของคนหาเช้ากินค่ำ อย่างเช่นเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่องของคนทำงานกลางคืน พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ นักกีฬา โดยจะมองปัญหาอยู่ 7-8 กลุ่ม ส่วนในประเด็นเรื่องราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล ตนอยากให้มีคนทำอาชีพคนขายลอตเตอรี่จริงๆ ที่ตนลุกมาทำการเมือง ไม่ใช่จากราคาหวย ที่ผ่านมาภาครัฐมองว่าการขายลอตเตอรี่เป็นอาชีพเสริม แต่ตนเห็นว่ามันไม่ใช่อาชีพเสริม อาชีพเหล่านี้สามารถเลี้ยงครอบครัวมาได้เป็นสิบๆ ปี การลงสนามการเมืองครั้งแรก ยอมรับรู้สึกกดดันเหมือนกัน ทั้งการให้นโยบาย การให้สัมภาษณ์ ตนยังไม่ถนัด แต่ตนรู้สึกว่าตนอยากทำ กดดันมากๆ แต่อย่างน้อยถ้าไม่เริ่ม ก็ไม่ได้ทำสักที อย่างน้อยขอให้ได้ลองทำ ลองเริ่มได้ศึกษาและเรียนรู้ ซึ่งจากแรงสนับสนุนตอนนี้ ก็อยู่ในเกณฑ์ดี จากคนที่รู้จักและคนรอบข้าง ก็มีคำถาม หลังประชุมพรรค น่าจะเห็นผลตอบรับที่ชัดมากขึ้น.