เมื่อวันที่ 7 เม.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุข รวยธนโชติ รอง ผบช.สอท, สั่งการให้พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 นำกําลังกก.4 บก.สอท.4 เปิดปฏิบัติการจับกุมกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร หลอกเอาเงินผู้เสียหาย กว่า 2.5 ล้านบาท โดยจับกุม น.ส.สาว แปลไธสง อายุ 48 ปี พร้อมผู้ต้องหาชาวกัมพูชา 2 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

พ.ต.อ.คมสัน กล่าวว่า สืบเนื่องจากตำรวจบช.สอท. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวพะเยาว่า ถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์มาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร ก่อนสอบถามข้อมูล พร้อมกับให้แอดไลน์จากเบอร์โทรศัพท์พร้อมกับส่งลิงก์เข้ามาให้แล้วให้กรอกชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ในลิงก์ดังกล่าว จากนั้นไม่นานโทรศัพท์ของผู้เสียหายก็ค้างไม่สามารถทําอะไรได้ ก่อนที่เงินในบัญชีจะถูกดูดออกไปเสียหายกว่า 2.5 ล้าน หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบจนพบว่ามีการทำเป็นลักษณะขบวนการ จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ 6 ราย ก่อนทำการจับกุมได้ 3 ราย และอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี

ตํารวจไซเบอร์ฝากเตือนถึงประชาชน ผู้นําบัญชีธนาคารไปขายให้แก๊งมิจฉาชีพ รวมถึงรับจ้างเปิดบัญชี เพื่อให้ มิจฉาชีพใช้ในการกระทําผิด โดยใช้เป็นช่องทางในการรับเงินและถ่ายโอนเงิน ป้องกันไม่ให้มีพยานหลักฐาน เชื่อมโยงมาถึงตัว เพื่อใช้หลอกหลวงประชาชน ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เจ้าของบัญชีจะถูกดําเนินคดี มีโทษ หนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา และตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542 จําคุก 3 ปี หรือ ปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่ได้เป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนหมายโทรศัพท์ ก็มีโทษอาญา หนักเช่นกัน คือ จําคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ