เมื่อวันที่ 17 เม.ย. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้เดินทางประชุมกับฝ่ายสืบสวน กรณีเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา นาย YU นักท่องเที่ยวชาวจีน ได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจ สน.ลุมพินี ว่า ไม่สามารถติดต่อ นาย WANG เพื่อนชาวจีนได้ กระทั่ง นาย WANG ได้ติดต่อกลับมา เมื่อวันที่ 16 เม.ย. โดยเป็นการวิดีโอคอล พร้อมระบุว่า “ไม่ต้องไปแจ้งความ เดี๋ยวคนร้ายจะปล่อยตัวถ้าโอนเงินมา” ซึ่งนาย YU เห็นสภาพเพื่อนพบว่า บริเวณใบหน้าบอบช้ำและเกิดความไม่สบายใจ กลัวเพื่อนจะถูกฆ่าทิ้ง จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ

ล่าสุดมีการตั้งคณะทำงานสอบสวนสืบสวนชุดคลี่คลายคดี นำโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี สืบ บก.น.5 สืบนครบาล ประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามคดีอย่างใกล้ชิด

พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า จากแนวทางการสืบสวนพบว่า นาย WANG ผู้เสียหาย มีแฟนเป็นหญิงสาวชาวไทย ซึ่งคบกันมาเป็นระยะกว่า 1 ปี และได้มีการเลิกรากันไป 3 เดือน ก่อนที่จะกลับมาคบกันอีกครั้ง โดยฝ่ายหญิงทราบว่านาย WANG มีเงินและมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และมีหมายจับทางการจีน เชื่อว่าคงไม่กล้าแจ้งความ จึงได้ว่าแผนกับ นายกาย หนุ่มสนิทที่ชอบพอกัน ซึ่งเป็นชายไทย ได้ชักชวนกันก่อเหตุวางแผน โดยใช้รถ BMW ซึ่งเป็นรถที่นาย WANG ซื้อให้ฝ่ายหญิงไว้ใช้ เพื่อสะดวกต่อการเข้าออกคอนโดมิเนียม ย่านสาทร

กระทั่งเมื่อวันที่ 14 เม.ย. เวลาประมาณ 19.00 น. กลุ่มชาวไทยประมาณ 3 คน ได้เดินทางมาที่คอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นคอนโดฯ ที่นาย WANG ใช้พักอาศัย และได้ใช้คีย์การ์ดที่หญิงสาวได้มอบไว้ให้ ขึ้นไปที่ห้องที่อยู่บนคอนโดฯ เพื่อเปิดประตูห้อง ก่อนจะล็อกตัวนาย WANG จับมัดมือ มัดเท้าขังไว้ในห้อง จากนั้นได้มีการใช้โทรศัพท์ของนาย WANG คุยกับ รปภ. ข้างล่าง ขอยืมรถเข็นในการขนของ จากนั้น 1 ในผู้ก่อเหตุ ได้ออกไปซื้อลังพลาสติกขนาดใหญ่ ก่อนที่จะนำนาย WANG ยัดใส่กล่องพลาสติก ใส่รถขับออกไปจากคอนโดฯ ไปขังผู้เสียหายไว้ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 1 คืน

เมื่อถึงที่บ้านพัก ได้ข่มขู่และซ้อมทำร้ายร่างกายนาย WANG ก่อนที่จะวิดีโอคอลไปหาเพื่อนของผู้เสียหาย คือ นาย YU ว่าไม่ให้แจ้งความกับตำรวจ จากนั้นบังคับให้นาย WANG โอนเงินเข้าบัญชีนายกบ จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 2 ล้านบาท ต่อมาครั้งที่สอง โอนเพิ่มอีก 9 แสนบาท และโอนครั้งที่ 3 เป็นบัญชีของ น.ส.ตา จำนวน 1.03 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 3.93 ล้าน ซึ่งขณะนี้สามารถอายัดเงินได้จำนวน 2.3 ล้าน

เมื่อถึงที่บ้านพักได้ข่มขู่และซ้อมทำร้ายร่างกายนาย WANG ก่อนที่จะวีดีโอคอลไปหาเพื่อนของผู้เสียหาย คือ นาย YU ว่าไม่ให้แจ้งความกับตำรวจ จากนั้นบังคับให้นาย WANG โอนเงินเข้าบัญชีนายกบ จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 2 ล้านบาท ต่อมาครั้งที่สองโอนเพิ่มอีก 9 แสนบาท และโอนครั้งที่ 3 เป็นบัญชีของ น.ส.ตา จำนวน 1.03 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 3.93 ล้าน ซึ่งขณะนี้สามารถอายัดเงินได้จำนวน 2.3 ล้าน เมื่อผู้ก่อเหตุได้เงินตามที่ต้องการแล้วทำทีจะมาปล่อยตัวนาย WANG ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กระทั่งตำรวจได้ติดตามมาพบตัว จึงได้ทำการเข้าช่วยเหลือ และเข้าจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวไทยได้ 1 ราย คือนายกบ กับนายจูน

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าลิฟต์บริเวณชั้น 17 พบว่า ในวันเกิดเหตุ นายกบ ลักษณะสวมใส่เสื้อยืดสีขาว-ดำ สวมหมวกแก๊ป และนายโจ หนุ่มผมยาว ได้เข็นกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ เข้าไปภายในลิฟต์ โดยขณะที่เข้าลิฟต์ ฝากล่องมีการเผยอขึ้น ทำให้นายกบ ต้องใช้มือกดปิดเอาไว้ ก่อนจะกดลิฟต์ไปชั้นล่าง ซึ่งเป็นลานจอดรถ ก่อนจะช่วยกันยกกล่องขึ้นท้ายรถเบนซ์ ขับรถเดินทางไปหัวหิน นำตัวนาย WANG ไปกักขังที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมานายจูน ผู้ต้องหาอีกรายได้ขับรถตามมาสมทบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายกบ ออกจากห้องขัง สน.ลุมพินี ไปชี้รถที่ใช้ก่อเหตุและจำลองเหตุการณ์ ซึ่งนายกบ ให้การรับสารภาพว่า ถูกว่าจ้างมาจากนายกาย แต่ปฏิเสธไม่ขอตอบคำถามว่าได้รับค่าจ้างในการร่วมลงมือก่อเหตุครั้งนี้เท่าไร และทำไมถึงตัดสินใจร่วมก่อเหตุ

ส่วนวิธีการอุ้มรีดผู้เสียหาย ได้ร่วมกับนายโจ จับผู้เสียหายลงไปนอนในกล่องพลาสติกที่นายกบซื้อมา ในลักษณะนอนตะแคง งอขา มัดเท้า และมัดมือไว้ด้านหลัง แล้วปิดฝากล่อง เพื่อนำใส่รถเข็นลงมาที่ลานจอดรถ ซึ่งขณะที่พาผู้เสียหายเดินทางไปยังหัวหิน ได้เปิดฝากล่อง เพื่อให้ผู้เสียหายหายใจได้ และแก้มัดเชือกออก ถึงแม้ว่าจะมีอาการขัดขืนบ้าง แต่ผู้เสียหายก็ยอมไปด้วย ตลอดเวลาที่เดินทาง ผู้เสียหายยังมีสติรู้ตัวตลอดเวลา หลังไปอยู่ที่รีสอร์ท ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายอีก

ส่วนผู้เสียหายชาวจีน หลังถูกช่วยเหลือ จากการตรวจสอบประวัติจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ประสานไปยังทางการจีน ซึ่งก็พบว่า ผู้เสียหายรายนี้เป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง มูลค่า 12 ล้านหยวน หรือราว 60 ล้านบาทไทย ซึ่งทางการจีนได้ออกหมายจับไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นหมายแดงในอินเตอร์โพล ทำให้เดินทางเข้าประเทศได้ โดยที่ไม่มีประวัติหมายจับดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้กักตัวไว้ที่ ตม. เตรียมผลักดันออกนอกประเทศต่อไป.