เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปมูลนิธิส่งเสริมแห่งอุดรธานีเขตเทศบาลนครอุดรธานี พบ นายพจน์ปรีชา สารสิทธิ์ อายุ 31 ปี พนักงานกู้ภัยฉุกเฉินมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี เพื่อสอบถามกรณี นายสุทธิ์ศักดิ์ พูนขวัญ หรือ แด้ อายุ 36 ปี เสียชีวิตในห้องเช่า พื้นที่ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนำศพนายแด้ ไปส่ง รพ.ศูนย์อุดรธานี ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน และน.ส.สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ภรรยาของนายแด้ ได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพนำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดใน จ.ราชบุรี

นายพจน์ปรีชา พนักงานกู้ภัยฉุกเฉิน มูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากนำศพนายแด้ไปส่งนิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี ตอนนั้น น.ส.แอม ได้เดินทางตามไปเพื่อติดต่อขอรับศพ โดยไม่ประสงค์ให้นิติเวชผ่าชันสูตรยืนยัน อ้างจะรีบนำศพกลับไปที่บ้าน ของมีค่าต่างๆ ของนายแด้ ก็อยู่กับ น.ส.แอม ทั้งหมดรวมทั้งโทรศัพท์มือถือไอโฟนของนายแด้ด้วย 1 เครื่อง ซึ่ง น.ส.แอม พยายามบอกให้พวกตนนำโทรศัพท์ของนายแด้ ไปสแกนม่านตา และสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกมือถือ เขาเป็นผัวเมีย มีลูกด้วยกัน เราเลยไม่ผิดสังเกตอะไร

“ตอนนั้นอาสากู้ภัยเราได้ปฏิเสธที่จะทำให้และให้ไปสอบเจ้าหน้าที่นิติเวชเอง ซึ่งทางนิติเวชก็ปฏิเสธเช่นกันเนื่องจากเมื่อคนเสียชีวิตไปแล้ว จะไม่สามารถสแกนได้เลย ทั้งม่านตาและลายนิ้วมือทำงานอาสามานานหลายปี เคยมีญาติคนตายศพที่ผ่านๆ มาขอความช่วยเหลือในลักษณะนี้แต่ก็ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน และหลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าทาง น.ส.แอมนำศพนายแด้กลับไปอย่างไร ไม่ทราบว่าติดต่อใคร ไม่ทราบว่าใช้รถอะไร เพราะหลังจากนั้นทีมงานก็เดินทางกลับมาที่มูลนิธิทันที”

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กรณีนางสาวแอมพยายามสแกนม่านตานายแด้ ตำรวจสืบสวนสอบสวนกำลังเร่งรัดทำงาน ว่าหลังเสียชีวิตของแด้มีการเคลื่อนไหวของเงินหรือไม่ หากมีความเคลื่อนไหวถือว่าเป็นปัญชีม้าถ้าไม่มีการเคลื่อนไหวถือว่าประเด็นนี้จบลงและจะมาดูทรัพย์สินที่ครอบครองขณะเสียชีวิตมีอะไรบ้าง มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องหรือไม่โดยเฉพาะทรัพย์ในบัญชี ซึ่งแอมต้องการอยากจะได้