“บังมาด” นายสามารถ มะลูลีม กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ตนเองได้รับมอบหมายจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายด้านกีฬา ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อร่างโครงสร้างใหม่กระทรวงกีฬา เพื่อคนกีฬา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 9 ท่าน ประกอบด้วย 1.พันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา, 2.นายสามารถ มะลูลีม, 3.ดร.ยงศักดิ์ ณ สงขลา, 4.นายสุวิทย์ เลิศธนากุลวัฒน์, 5.พลเอกธันวาคม ทิพยจันทร์, 6.นายอาคม สมุทรโคจร, 7.นายโกวิทย์ ธารณา, 8.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล และ 9.นายพีระ จันทร เบื้องต้นได้ดำเนินการร่างนโยบายออกมาเรียบร้อยแล้ว

 นายสามารถ กล่าวว่า สำหรับนโยบายกีฬาของ พรรครวมไทยสร้างชาติ 1.ตั้งกรมสวัสดิการนักกีฬาทีมชาติ ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีที่หน่วยงานภาคเอกชนบริจาคเงินช่วยเหลือก็จะมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้, 2.สนับสนุนนักกีฬาให้เป็นนักกีฬาอาชีพ เช่น มวยไทย ฟุตบอล วอลเลย์บอล กอล์ฟ เป็นต้น, 3.สนับสนุนนักกีฬาอาวุโสทุกชนิด เช่น ฟุตบอล ฟุตซอล เทนนิส จักรยาน รัฐบาลต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่, 4.ผลักดันให้กรุงเทพมหานครต้องเป็นเมืองหลวงของมวยไทยโลก, 5.สนับสนุนให้มวยไทยเป็น “ซอฟท์เพาเวอร์” หน่วยงานของรัฐบาลเป็นองค์กรหลักในการส่งออกอุปกรณ์ กีฬา และส่งเทรนเนอร์ไปสอนมวยไทยทั่วโลก โดยมีกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ดูแล ตามนโยบายของ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรครวมไทยสร้างชาติ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”

 6.สนับสนุนกีฬาคนพิการในทีมชาติไทย รัฐบาลต้องปฏิบัติให้เหมือนนักกีฬาคนปกติ ซึ่งในอดีตนักกีฬาคนพิการต้องช่วยตัวเองเกือบทุกอย่าง ทั้งการหางบประมาณไปแข่งขันที่ต่างประเทศเพื่อเก็บคะแนนคัดเลือกไปพาราลิมปิกเกมส์ การเก็บตัวฝึกซ้อมในประเทศไทย และการจัดหาซื้ออุปกรณ์การแข่งขัน, 7.รัฐบาลต้องมีนโยบาย สนับสนุนฟุตบอลไทยให้ไปฟุตบอลโลก ด้วยการวางแผนระยะยาว ต้องทำให้ทีมชาติไทยทุกชุด ตั้งแต่เยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปี, อายุไม่เกิน 18 ปี, อายุไม่เกิน 20 ปี ไปแข่งขันระดับฟุตบอลเยาวชนโลก แล้วทีมชาติไทยชุดใหญ่ถึงจะไปแข่งขันในฟุตบอลโลก หรือ “ฟีฟ่า เวิลด์คัพ” ได้,

8.ส่งเสริมการจัดกิจกรรมกีฬาเพื่อพัฒนาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ในทุกมิติ ได้แก่มิติทางด้านสุขภาพ ทางด้านความรักความสามัคคี ทางด้านความเป็นเลิศ ทางด้านอาชีพ การจัดกิจกรรมกีฬาเพื่อนำการท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน จะนำพามาซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีเกิดในพื้นที่ จะตามมาด้วยเศรษฐกิจที่ดี ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ต่อไป, 9.ต้องจัดตั้งศูนย์ฝึก “กีฬามวยไทย” ที่ดีมีมาตรฐานสูงที่สุดเพื่อเป็นศูนย์ฝึกมวยไทยที่พร้อมเป็นสถานที่สำหรับเป็นที่รองรับให้กับเยาวชนและประชาชนในพื้นที่อีกทั้งเป็นการรองรับเยาวชน ประชาชน นักท่องเที่ยว นักกีฬามวยไทยในประเทศเพื่อนบ้านได้มาใช้บริการของศูนย์ฝึก “กีฬามวยไทย” ในประเทศไทย

นายสามารถ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงสร้างร่างกระทรวงการกีฬาใหม่ มีหน่วยงานรับผิดชอบต่าง ๆ จำนวน 12หน่วยงานดังนี้ 1.สำนักงานรัฐมนตรี, 2. สำนักงานปลัดกระทรวง, 3.การกีฬาแห่งประเทศไทย, 4.กรมพลศึกษา, 5.กรมสวัสดิการบุคลากรทางการกีฬา, 6.มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 7.กรมพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศ, 8.กรมเศรษฐกิจการกีฬา, 9.กรมส่งเสริมกีฬามวลชน, 10.กรมส่งเสริมกีฬาเยาวชน, 11.ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ และ 11.ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งชาติ

“นอกจากนี้นโยบายของพรรคยังให้ตระหนักถึงความสำคัญในการใช้สารต้องห้ามในหมู่นักกีฬา ซึ่งปี 2556 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาถูกองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือ WADA (World anti-doping Agency) ลงโทษแบนห้ามใช้ธงชาติไทยในการส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน หรือจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ เนื่องจากทำกฎหมายในเมืองไทยบางข้อไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบของ WADA ซึ่งเป็นความประมาทเลินเล่อที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่โชคดีที่มีการสะสางแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที เหตุการณ์ก็จะนำมาเป็นกรณีศึกษาว่า รัฐบาลควรจะจัดตั้งศูนย์ต่อต้านการใช้สารต้องห้ามแห่งประเทศไทยขึ้นมาเป็นองค์กรอิสระอย่างถูกต้อง และได้มาตรฐานระดับโลก” นายสามารถ กล่าวเสริม.