จากกรณี น.ส.กมลพร ดอนทอง หรือ “กุ้ง” อายุ 52 ปี ถูก นายเดชา พยัคฆะ อายุ 65 ปี ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตหลังจากเข้าไปเจรจาขอบ้านคืนเนื่องจากฝ่ายผู้ก่อเหตุไม่ยอมย้ายออกไปเหตุเกิดในพื้นที่ หมู่บ้านกรีน ถนนรังสิต-นครนายก ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ภายหลังฝ่ายมือปืนยังไม่ยอมมอบตัวจนกว่า “กัน จอมพลัง” จะมาให้ความช่วยเหลือ ก่อนจะอ้างว่าโมโหอีกฝ่ายที่มาทวงบ้าน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ในรายการโหนกระแสโดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เชิญ น.ส.บิว (นามสมมุติ) ลูกสาวผู้เสียชีวิต, น.ส.อรทัย เพื่อนผู้เสียชีวิต, กัน จอมพลัง และบุลคลที่เกี่ยวข้อง มาเผยถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดย “หนุ่ม-กรรชัย” ได้กล่าวขอโทษญาติของผู้เสียชีวิตเนื่องจากเป็นการพูดถึงเรื่องความสูญเสียที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจได้ ซึ่งทางญาติผู้เสียชีวิตยินดีที่จะให้ข้อเท็จจริงทุกอย่าง โดยเฉพาะ “บิว” เล่าให้ฟังทำนองว่า

ช่วงเกิดเหตุไปตรวจงานกับแม่ปกติ โดยนำหมายศาลไปให้ลุงดู ตนพยายามถามแม่แล้วว่าทำไมไม่เอาตำรวจไปด้วย แม่บอกว่า “เขาเป็นคนแก่ ไม่อยากให้ขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่อยากเสียเงินเสียทอง” ที่ผ่านมา ไม่เคยเจอลุงมาก่อน พอไปถึงคนข้างบ้านบอกว่าลุงอยู่แต่ปิดล็อกด้านใน แม่จึงให้ตนนั่งอยู่ในรถ จากนั้นก็เข้าไปคุยเพียงลำพัง ตอนนั้นได้ยินเสียงแม่บอกว่า

“…หนูไปทำหมายศาลมาแล้ว ถ้าลุงไม่ไปดีๆ หนูต้องเอา ตร.มาไล่ลุงนะ เพราะว่ามันนานแล้ว มันเป็นปีแล้ว ลุงก็ไม่ยอมสักที…” แต่ตอนนั้นตนไม่ได้ยินเสียงลุงพูดว่าอย่างไรเพราะเขาอยู่ในบ้าน สักพักแม่ก็วิ่งมาข้างประตูแล้วบอกว่า “…บิว หนีไป มันมีปืน…” จังหวะนั้นตนรีบลงไปหาแม่ ก่อนจะพากันวิ่งหนีไปอีกซอย แต่ก็ไม่ทันแม่ร้องว่าช่วยด้วย (บิวร้องไห้) แล้วแม่ก็ล้มลง ก่อนที่ลุงจะเดินมาข้างศพแม่แล้วก็ยิงรัวๆ นัดสุดท้ายคือ “บนหัว” (บิวร้องไห้)

ในส่วนของที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้ น.ส.อรทัย เล่าให้ฟังว่า เดิมถูกขายทอดตลาด น.ส.กมลพร มอบหมายให้ตนไปซื้อบ้าน ตอนแรกไม่ทราบว่ามีใครอยู่เพราะประตูบ้านปิด แต่พอซื้อแล้วตรวจงาน ก็พบว่าลุงมาอยู่ ทั้งยังบอกว่าจะซื้อบ้านคืน หลังจากผ่านไป 3 เดือนไปทวงถามก็เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวว่า ไม่ออก แถม “ลุงเดชา” ยังรับเงินส่วนต่างจากการขายบ้านแล้ว สุดท้ายทาง น.ส.กมลพร ต้องจ้างทนายร้องขอหมายศาลเพื่อให้ นายเดชา ย้ายออกไป แต่ก็ไม่ยอมออก ซึ่งยังไม่ทันจะปิดหมายศาล ตัวเองก็โดนอีกฝ่ายยิงเสียชีวิต

ขณะเดียวกันในรายการได้สอบถามไปยัง “นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี” เกี่ยวกับข้อกฎหมายและการทำหน้าที่ เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่า กรมบังคับคดีน่าจะมีวิธีจัดการกับคนที่เอาเปรียบผู้ซื้ออย่างกรณีเช่นนี้ ซึ่งทาง นางทัศนีย์ ชี้แจงทำนองว่า “…กรมบังคับคดีไม่มีสิทธิไปขับไล่เขา กรรมสิทธิยังไม่เปลี่ยนมือ จนกว่าผู้ซื้อจะมีสิทธิครอบครอง และเมื่อได้สิทธิแล้ว ก็ต้องไปขอหมายศาล นำไปติดหน้าบ้าน หากไม่ยอมย้ายออกอีก ถึงจะขอศาลออกนำหมายจับ ให้ตำรวจไปจับเขาได้...”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากรายการได้เผยแพร่ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก รวมทั้งยูทูบพบว่า ส่วนใหญ่แสดงความเห็นทำนองว่า “กรมบังคับคดี” เป็นหน่วยงานของรัฐโดยตรง น่าจะมีวิธีอำนวยความสะดวก หรือแก้ปัญหาให้กับประชาชนทั้งสองฝ่ายได้รวดเร็วและปลอดภัย แต่เรื่องเช่นนั้นกลับกลายเป็นว่า “ผู้ซื้อ” ต้องแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง สุ่มเสี่ยงจะเกิดอันตรายเพราะการปะทะกันจากคู่ความ รวมทั้งแสดงความเห็นว่า ถึงเวลาต้องให้แก้กฎหมายใหม่ให้เกิดความชัดเจนกว่านี้หรือไม่?