เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ร.ต.อ.ยุทธชัย ชัยเพชร รอง สว.(สอบสวน) สภ.นาโยง ตรัง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 31/3 หมู่ 4 บ้านใสเดือย ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไปทำการดับไฟ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้เรือนไทย ครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น โดยท่อนหลังของตัวบ้านเป็นปูนทั้งหมด เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าเพลิงได้โหมไหม้ทั้งตัวอย่างรุนแรง พบว่าตัวบ้านส่วนใหญ่ทำจากไม้มีราคาหลายชนิด ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะฉีดน้ำสกัด ไม่ให้เพลิงลุกลามไปยังส่วนที่เหลืออยู่ ก่อนจะฉีดดับในส่วนที่กำลังลุกไหม้ โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด

จากการตรวจสอบสวนเบื้องต้นพบว่าในส่วนที่เป็นไม้เรือนไทย เพลิงได้ลุกไหม้พร้อมกับทรัพย์สินภายในทั้งหมด หลังจากเพลิงสงบแล้วได้มีการนำรถแบกโฮ มารื้อกองไม้ที่ถูกเผาจนวอดและฉีดน้ำเลี้ยงเอาไว้ เพื่อไม่ให้เพลิงปะทุนขึ้นมาซ้ำ

สอบถาม นายประจวบ สีดำ อายุ 61 ปี สมาชิกอบต.หมู่ 4 ต.นาหมื่นศรี และมีอาชีพทำธุรกิจรถบรรทุก และรับซื้อไม้ยางพารา เจ้าของบ้าน เล่าว่า บ้านหลังดังกล่าวมีพี่เขยตนคือนายคล่อง แก้วสะอาด อายุ 75 ปี อาชีพกรีดยางพาราเป็นผู้อาศัยอยู่เพียงคนเดียว เนื่องจากภรรยาของนายคล่อง ซึ่งเป็นพี่สาวของตนนั้น ได้เสียชีวิตลงไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา  โดยบ้านเรือนไทยหลังนี้ตนเองได้สร้างมาประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ใช้ไม้ที่มีราคาหลายชนิดมารวมกัน ซึ่งมูลค่าราคาที่สร้างตอนนั้นจำนวน  7 ล้านบาท ตอนเกิดเหตุจุดต้นเพลิงได้ลุกไหม้จากมุมบ้านบนชั้น 2 ก่อนจะลุกลามไหม้ทั้งหมด รวมไปถึงทรัพย์สินภายในบ้านด้วย

โดยตอนเกิดเหตุนายคล่อง ได้นอนอยู่ส่วนของหลังบ้าน เพื่อที่จะลุกขึ้นไปกรีดยางพารา โดยก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ หลังจากไฟลุก ทางนายคล่อง ก็ยังไม่ทราบเรื่อง ทำให้บรรดาหลานๆหลังจากทราบเรื่องจึงได้นำนายคล่อง ออกจากตัวบ้านได้อย่างปลอดภัย โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ส่วนการประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นก็แบ่งเป็นในส่วนของตัวบ้านเรือนไทยที่ถูกไหม้ไปทั้งหมดจำนวน 7 ล้านบาท ทรัพย์สินในบ้านอีกประมาณ 1 ล้านบาท รวมทั้งหมดจำนวน 8 ล้านบาท 

ส่วนสาเหตุคาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนบ้านหลังนี้ไม่ได้ทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยไว้แต่อย่างใด หลังจากนี้ทางเจ้าของบ้าน ก็จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป