จากกรณี ด.ญ.สุธีมมนต์ จินดาศรี หรือน้องเตย อายุ 4 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านมะขามทานตะวัน ต.ตาเสา อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ กลายเป็นเด็กหญิงที่มีคนให้ความเวทนาและสนใจในช่วงเวลาข้ามคืน หลังจาก น.ส.พัชรินทร์ เอสะตี หรือครูอุ้ม ครูประจำชั้นของน้องเตย ถ่ายคลิปขณะน้องกำลังล้างจาน และมาทราบต่อมาว่า น้องต้องทำงานบ้านทุกชนิดและเลี้ยง นางเสา จินดาสี อายุ 68 ปี ย่าของน้องซึ่งอยู่ด้วยกันตามลำพัง

ต่อมาได้มีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือน้องเตยอย่างต่อเนื่อง จนมียอดบริจาคมาแล้วกว่า 1 ล้านบาท และมีผู้ใจบุญจำนวนหนึ่งที่ต้องการอยากจะส่งน้องเตยเรียนจนกว่าจะจบปริญญาตรี แต่ยังไม่มีความชัดเจน เพราะจำนวนคนเข้ามาเสนอตัวเป็นจำนวนมาก นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ช่อง 3 ได้แสดงเจตจำนง จะส่งเสียน้องเตย เรียนจนกว่าจะจบปริญญาตรีหรือมากกว่านี้ นั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานราชการและภาคเอกชน ยังนำสิ่งของเครื่องใช้มามอบให้เป็นกำลังใจกับ น้องเตย และนางเสา ย่าของน้องเตย ไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่เห็นใจและเห็นถึงความมุมานะของเด็กวัย 4 ขวบ ที่สามารถทำงานบ้านและเลี้ยงย่าตัวเองได้ ถ้าเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันทำได้ยาก

ทั้งนี้ นายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, พมจ., แพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลห้วยราช รวมถึงศูนย์จำหน่ายรถยนต์ นำข้าวของเครื่องใช้มามอบให้รอบสอง

จากการซักถามนางเสา เกี่ยวกับการใช้ชีวิตทั่วไประหว่างอยู่กับหลาน นางเสา เล่าว่า น้องเตยทำทุกอย่างตามที่ย่าสอน ไม่เคยงอแง และมักจะพร่ำบ่นกับย่าเสมอว่า “เราไม่น่าจะเกิดมาเป็นคนจนเลย เพราะไม่มีบ้านสวยๆ อยู่” ตอนนี้หลานดีใจมาก ร่าเริงทุกครั้ง เมื่อไปดูสิ่งของที่ได้รับมอบ โดยเฉพาะของเล่นเด็ก

นายจำเริญ กล่าวว่า ตอนนี้ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะความปลอดภัยของเด็ก ถึงแม้จะมีเพื่อนบ้านหลายหลังคาเรือนก็ตาม แต่บ้านหลังนี้ก็อยู่กันแค่ 2 คน คือ เด็กกับคนตาบอด ส่วนเรื่องเงินบริจาคที่ได้รับมา จะมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น บุตรหลานนางเสา ที่อาจจะมาล่อลวงเบิกเงินไปใช้ เนื่องจากตอนนี้ในบัญชีมีเงินมากกว่า 1,000,000 บาทแล้ว.