เมื่อเวลา 10.55 น. วันที่ 15 มิ.ย. ที่ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดีแอม ไซยาไนด์ ว่า จากเดิมที่จะมีการสรุปสำนวนคดีในช่วงสัปดาห์นี้ หรือวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. ได้มีความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากภายหลังจากที่ได้นำสำนวนคดีไปหารือกับอธิบดีอัยการถึงสองครั้ง ท่านก็ให้ความเห็นว่าสำนวนมีความสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม คณะทำงานได้มีลงความเห็นว่าจะขอเลื่อนการสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน เนื่องจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ในส่วนของเส้นทางการเงิน พบความเชื่อมโยงว่ามีบุคคลใกล้ชิดแอมมีธุรกรรมการรับ-โอนเงินระหว่างกัน ทุกๆ ครั้งที่มีการตาย เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของคนนี้ โดยเป็นการโอนเงินในห้วงระหว่างศพคดีกลางๆ ไม่ใช่การโอนเงินในช่วงศพคดีแรกๆ ซึ่งในวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย. เราจะเรียกบุคคล 1 รายดังกล่าว แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น เป็นผู้สนับสนุน เป็นบุคคลที่รู้ทั้งหมด บ้างอยู่ในเหตุการณ์การตายด้วย โดยพนักงานสอบสวนพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับแอม จำนวน 4-5 คดี จากทั้งหมด 15 คดี ซึ่งยิ่งเวลาเหลือมาก เรายิ่งไล่ได้มากขึ้น เส้นทางเงินทั้งหมด บัญชีธนาคารกว่า 400 บัญชี เราก็ได้มา และมีการนำมาวิเคราะห์ความเชื่อมโยงทั้งหมด ดังนั้น ในวันจันทร์ทุกคนจะทราบว่าบุคคลใกล้ชิดแอมรายนี้คือใคร แต่ตอนนี้ขอสงวนไว้เป็นในส่วนของสำนวนคดีก่อน
เมื่อถามถึงความเข้าไปเกี่ยวโยงของผู้ใกล้ชิดแอมที่จะถูกแจ้งข้อหาในวันจันทร์นั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 ระบุว่า ส่วนใหญ่ในแต่ละคดีจะมีความแตกต่างกันไป บ้างเกี่ยวข้องทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า ในวันจันทร์นี้ ภายหลังเรียกบุคคลใกล้ชิดแอมมาแจ้งข้อหาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเราจะมีการสรุปสำนวนในผัดฝากที่ 4 ซึ่งปกติพนักงานอัยการจะมีเวลาถึง 3 ฝาก ส่วนผู้ใกล้ชิดมากๆ อีกคนของแอม (ทนายพัช) เราแจ้งข้อหาได้เพียงเท่าเดิม เพราะจากการรวบรวมพยานหลักฐานนั้น ไม่ไปถึงว่าบุคคลนี้มีส่วนรู้เห็นฐานร่วมกันฆ่าแต่อย่างใด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนมีการแจ้งครบทุกข้อหาทุกคดีกับแอม ดังนั้น เราไม่กังวลใจ เพราะเพียงคดีเดียวก็ประหารชีวิตแล้ว ยกเว้นอย่างเดียว คือ หากผู้ต้องหารับสารภาพในชั้นศาล โทษก็จะเหลือเพียงโทษจำคุกตลอดชีวิตแทน ซึ่งผู้ต้องหาก็สามารถใช้สิทธิต่อสู้ได้ อีกทั้งคดีแอมทั้งหมด ล้วนเป็นคดีซ้ำๆ กัน ต่างแค่ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งในจำนวน 15 คดี เมื่อคูณ 7 ข้อหา ก็เท่ากับ 80 ข้อหา ที่แอมถูกแจ้งไป แต่โทษสูงสุดนั้น หากให้การปฏิเสธก็ประหารชีวิต แต่เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเธอ ตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษาคำสั่งคดี ก็ถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่คดีของแอมถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ และเป็นคดีฆาตกรต่อเนื่อง ทั่วโลกให้ความสนใจ ถ้าจับเธอไม่ได้ ก็คงมีศพที่ 15-17 ถัดๆ ไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุด้วยว่า การแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับบุคคลนั้น หากเป็นคนที่เคยอยู่ในสำนวนเดิม เราไม่จำเป็นต้องออกหมายจับ แต่สามารถเรียกมาแจ้งข้อหาได้ ทั้งนี้ ในการแถลงปิดคดี แอม ไซยาไนด์ จะเป็น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. รับหน้าที่แถลงปิดคดีต่อไป.