เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี น.ส.เฟิร์น (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี เภสัชกรเจ้าของร้านขายยาแห่งหนึ่ง ย่านทุ่งสองห้อง กรุงเทพฯ เดินทางนำเอกสารหลักฐานเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อให้ช่วยเร่งรัดติดตามคดีกรณีถูกคนร้ายโรแมนซ์สแกมหลอกให้โอนเงินกว่า 8.3 ล้านบาท

น.ส.เฟิร์น เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 มีเพื่อนร่วมสถาบันเรียนชักชวนให้รู้จักชายชาวต่างชาติ โดยติดต่อกันทางออนไลน์ โดยชายดังกล่าวอ้างว่าจะขอซื้อ ATK ชุดตรวจโควิดจำนวนมาก ทำให้ตนเองเกิดความโลภจึงตกลงทำธุรกิจด้วย อีกทั้งช่วงเวลาเกิดเหตุ ตนแยกกันอยู่กับสามี จึงทำให้ไม่มีเพื่อนช่วยคิด ระหว่างการทำธุรกิจชายชาวต่างชาติ ได้มีการชักชวนหลอกล่อให้ทำธุรกรรมทางการเงิน โดยอ้างว่าหากไม่โอนเงินไปให้บางส่วนจะทำให้เงินจำนวน 50 ล้านที่เตรียมไว้ซื้อ ATK ไม่สามารถโอนมาให้ได้ ทำให้ตนหลงเชื่อจึงโอนไปทั้งหมด 15 ครั้ง รวม 8.3 ล้านบาท จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้อีก จากนั้นจึงไปติดต่อกับเพื่อนที่ชักชวน แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง จนทำให้รู้สึกว่าถูกหลอก ก่อนจะไปแจ้งความที่ สภ.ชัยพฤกษ์

หลังแจ้งความ ชาวต่างชาติที่หลอกได้โทรฯ มาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความ โดยให้เหตุผลว่า หากแจ้งความจะทำให้ธุรกิจเสียหายจะต้องร่วมรับผิดชอบและจะไม่ได้เงินคืน จึงทำให้ตนเองเกิดความกลัวและถอนแจ้งความ ซึ่งเมื่อผ่านไประยะหนึ่งแต่ยังไม่ได้เงินคืน ตนจึงไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง เนื่องจากเป็นพื้นที่ใช้ในการโอนเงิน ระหว่างนั้นทราบข่าวว่า เมื่อเดือน มี.ค. 66 กองปราบฯ สามารถจับบัญชีม้าได้แต่กลับปล่อยตัวไป อีกทั้งในเวลาใกล้เคียงกัน สน.ทุ่งสองห้อง ยังมีการจับเจ้าของบัญชีม้าได้อีก 2 คน แต่กลับปล่อยตัวไป เนื่องจากทำสำนวนส่งฟ้องไม่ทัน

ทำให้ตนเองไม่เข้าใจการทำงานของตำรวจ โดยเฉพาะกรณีที่ทนายความส่วนตัวอ้างว่าจะต้องนำเงิน 1 แสนบาท ไปให้กับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง โดยให้เหตุผลว่าจะทำให้ได้เงินคืน แต่สุดท้ายเวลาผ่านไปก็ไม่ได้เงินคืน จึงรู้สึกเหมือนถูกซ้ำเติม เพราะที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนมีการใช้คำพูดไม่ดี เสียดสี เช่น ให้คิดว่าเงินก้อนนี้เราติดหนี้เขาเมื่อชาติที่แล้ว

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า จะรับเรื่องนี้ไว้ โดยให้ทีมงานตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะได้มีการเชิญผู้เสียหายเข้าไปสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง