เมื่อวันที่ 2 ก.ค.66 ร.ต.อ.กิติภูมิ หูเขียว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รับแจ้งอุบัติเหตุขบวนรถไฟที่ 37 วิ่งต้นทางจากสถานีรถไฟกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ชนกับรถตู้ ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 1,120 ซึ่งห่างจากที่หยุดขบวนรถไฟไอร์สะเตียประมาณ 500 เมตร มีผู้บาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย นายมาหะมะยากี หะยีมะ นายอำเภอเจาะไอร้อง ร.อ.เดชา ทองขจร ผบ.ร้อย ทพ. 4814 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง

ที่เกิดเหตุพบรถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียน นข 8279 สงขลา สภาพถูกขบวนรถไฟชนด้านคนขับเสียหายยับเยิน และถูกขบวนรถไฟลากมากลับรางห่างจากที่หยุดขบวนรถไฟไอร์สะเตีย ประมาณ 300 เมตร โดยมีนายมะตอเฮ หะยีมะลี 51 ปี ชาว อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นคนขับ สภาพติดอยู่คาพวงมาลัยรถ เจ้าหน้าที่ช่วยกันงัดรถนำร่างส่งโรงพยาบาลเจาะไอร้อง แพทย์ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ นอกจากนี้ที่บริเวณไหล่ทางรถไฟซึ่งเป็นป่ารกทึบ เจ้าหน้าที่พบร่างนายมาหามะรอนิง ฮามะ 52 ปี ชาว อ.ระแงะ จ.นราธิวาส คนนั่งโดยสารคู่มาในรถตู้ กระเด็นตกจากรถตู้นอนหมดสติ เจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเจาะไอร้อง แต่อาการสาหัสเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สอบสวน นายพัฒนา เพชรงาม พขร.ขบวนรถไฟที่ 37 เบื้องต้นเปิดเผยว่า ขณะนำขบวนรถไฟวิ่งผ่านที่หยุดขบวนรถไฟไอร์สะเตีย ได้พบเห็นรถจยย.ของชาวบ้าน 1 คัน จอดรออยู่ที่ถนนพาดเส้นทางรถไฟ จึงเปิดหวูดส่งสัญญาณเตือน อยู่ๆมีรถตู้วิ่งผ่านถนนพาดเส้นทางรถไฟ ตนไม่สามารถที่บังคับล้อกะทันหันได้ จึงชนรถตู้เข้าอย่างจัง และขบวนรถไฟได้ลากรถยนต์ตู้ไปตามร่างห่างจากที่หยุดขบวนรถไฟไอร์สะเตียไปประมาณ 300 เมตร จนกระทั่งสามารถห้ามล้อได้ และเมื่อขบวนรถไฟจอดสนิทตนและเพื่อนได้ลงไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมประสานไปยังนายสถานีรถไฟข้างเคียง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องตรวจสอบดังกล่าว

ญาตินายมะตอเฮ คนขับรถตู้ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุนายมะตอเฮ ขับรถตู้มากับผู้เสียชีวิต เพื่อเดินทางไปรับชาวบ้านซึ่งเป็นลูกค้า ที่ได้ว่าจ้างให้มารับในหมู่บ้านจุดเกิดเหตุ เพื่อนำไปส่งที่ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก หลังจากได้เดินทางข้ามมาจากมาเลเซีย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายอ เมื่อครบกำหนดก็จะเดินทางกลับข้ามเข้าไปทำงานไปในมาเลเซีย จนมาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวเสียก่อน

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ขบวนรถไฟทั้งขาขึ้นและขาล่อง ไม่สามารถเดินทางรับส่งผู้โดยสารตามจุดหมายปลายทางได้ทุกขบวน จนกว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถคลี่คลายพื้นที่จุดเกิดเหตุได้เสียก่อน ด้วยการขนย้ายรถตู้ออกจากราง รถไฟทุกขบวนจะสามารถวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ตามจุดหมายปลายทางทั้งขาขึ้นและขาล่อง