จากกรณีเพจ “ข่าวประจวบ” โพสต์ภาพเสาโคมไฟฟ้าประติมากรรมรูปสับปะรด สัญลักษณ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ติดตั้งบนสันเขื่อนกันคลื่น ตลอดแนวชายหาดอ่าวประจวบฯ หักโค่นไม่สามารถใช้งานได้ โดยระบุว่า “สำนักงานโยธาธิการจังหวัดประจวบฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ใช้งบ 6 ล้านทำโครงการฯ เมื่อปี 2556 ควรร่วมกันรื้อเสาไฟฟ้าโคมสับปะรดต้นละ 8 หมื่นบาท 75 ต้น ออกไปให้พ้นสันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯ ตั้งแต่สะพานสราญวิถีถึงหน้ากองบิน 5 เพื่อความปลอดภัยไม่ให้ไฟช็อต หรือเสาไฟล้มทับประชาชนและนักท่องเที่ยว เนื่องจากปัจจุบันเสาไฟดังกล่าว 90% ชำรุดและ 100% ไม่เคยมีแสงสว่าง จึงไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่จะนำไปติดตั้งให้เป็นทัศนอุจาด” จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ต่อมา โยธาฯ ประจวบฯ ได้ชี้แจงว่า เป็นเพียงผู้ออกแบบและจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนสำนักงานจังหวัด เป็นเจ้าของงบ ซึ่งต้องเป็นผู้ดูแล นั้น

โยธาฯ แจงเสาไฟต้นละ 8 หมื่น เป็นเพียงผู้ออกแบบ โบ้ยสนง.จว.เป็นผู้ดูแล

จี้โยธาฯ แจงเสาไฟต้นละ 8 หมื่น ชำรุดหักโค่น ถ้าไม่มีประโยชน์ก็ควรรื้อออกไป

คาใจชะตากรรม ‘เสาไฟ’ ต้นละ 8 หมื่น แต่ใช้จริงสุดบ้ง แถมเบิกงบ 6 ล้านกลับได้แค่นี้?

ล่าสุด เพจข่าวประจวบ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า รอชมผลงานด้านหน้าเวทีของ 3 หน่วยงาน ที่จะต้องโผล่มารับผิดชอบกับทรัพย์สินของหลวง กรณีมีรถกระเช้าสีส้มทะเบียน *** แอบนำเสาไฟสับปะรดสูง 4 เมตร ต้นละ 8 หมื่น ไปขายเศษเหล็กที่เซียงกงราคา 1 พันบาท ในเขตเทศบาลเมืองประจวบฯ อีกไม่เกิน 7 วันจะมีคำตอบ จากสำนักงานจังหวัดที่ใช้งบพัฒนาจังหวัดตั้งเสาไฟ 60 ต้น จากสะพานสราญวิถีถึงสะพานบางนางรม ได้มอบโครงการให้เทศบาลเมืองประจวบฯ ดูแลตั้งแต่ปี 2557 ยุคที่ กมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรี ยังเป็น ส.ท. จริงหรือไม่ หรือเป็นเสาไฟของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงกีฬาฯ ใช้งบตั้งเสา 75 ต้น จากสะพานสราญวิถีถึงรั้วกองบิน 5 โดยหน่วยงานพื้นที่ไม่มีทะเบียนคุมพัสดุ

มีรายงานภายหลังเรื่องดังกล่าวถูกกล่าวถึงในวงกว้าง ปรากฏว่าได้ผู้มาขอซื้อคืนร้านขายเศษเหล็กทันที ซึ่งในความจริงแล้ว เมื่อเกิดเสียหายหรือชำรุด ควรจะนำไปซ่อม.

ขอบคุณเพจ ข่าวประจวบ