เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ค. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมนายบัญชา กว้างทุ่ง อายุ 37 ปี พ่อเด็กชายบอส อายุ 6 ขวบ ผู้บาดเจ็บ ลงพื้นที่ซอยช่างอากาศอุทิศ 4 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง เพื่อดูจุดเกิดเหตุที่ลูกชายถูกผ้าใบกันแดดที่ติดตั้งหน้าร้านปลิวกระแทกใบหน้า ขณะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ จนได้รับบาดเจ็บเย็บ 10 เข็ม ก่อนจะเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมือง เพื่อแจ้งความดำเนิดคดีกับเจ้าของร้าน

นายบัญชา พ่อน้องบอสเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา ตัวเองไปรับลูกชายคนเล็กที่โรงเรียนบริบูรณ์ศิลป์ แล้วออกมาทางหลังตลาดใหม่และใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ โดนมีลูกชายคนเล็กนั่งหน้า ลูกชายคนโตที่บาดเจ็บนั่งหลังตัวเอง พอมาถึงที่เกิดเหตุก็ขี่มาตามปกติตามแนวถนน จังหวะนั้นมีรถสวนทาง ไม่คิดว่าจะมีผ้าใบสะบัดเข้ามา จึงเอี้ยวตัวหลบไปนิดหนึ่ง แล้วได้ยินเสียงลูกร้อง จึงจอดรถแล้วเห็นใบหน้าลูกเต็มไปด้วยเลือด หลังเกิดเหตุได้พูดคุยกับเจ้าของร้านว่าช่วยรักษา หรือช่วยเหลือครึ่งหนึ่งก็ยังดี แต่เขาปฏิเสธว่าไม่ใช่ความผิดของเขา ถ้าจะผิดก็ต้องผิด 3 ฝ่าย ผมประมาท ร้านประมาท และรถที่ขับสวนทางมาประมาท อยากให้เห็นแก่เด็ก ออกมาแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้

นายเอกภพ กล่าวว่า เคสนี้เท่าที่ลงพื้นที่พบว่า จุดเกิดเหตุเป็นร้านค้าส่ง มีผ้าใบติดตั้งหน้าร้าน พอลมพัดก็จะปลิวตามลม ออกมานอกถนนจนเกิดอุบัติเหตุ การที่เจ้าของร้านมาบอกไม่เกี่ยว เป็นการขับรถประมาทเอง ต้องไปรับผิดชอบตัวเอง แบบนี้ตนเองมองว่าเป็นเรื่องที่ไร้จิตสำนึกต่อสังคมเป็นอย่างมาก เขาขับรถอยู่บนถนนตามเส้นทางปกติ อยู่ๆ ผ้าใบที่ไม่มีการผูกมัดที่แน่นหนาพอ ปลิวลงมาที่ถนน ทำให้รถที่ขับผ่านไปมาเฉี่ยวชน ต้องฝากไปยัง ผอ.สำนักงานเขตดอนเมือง ให้ลงมาตรวจสอบ เพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของท่าน

ด้าน พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมือง ระบุว่า เบื้องต้นวันนี้จะทำการสอบปากคำผู้เสียหายและดูใบรับรองแพทย์นำมาประกอบ เมื่อสอบปากคำแล้วเสร็จ ก็จะมาดูในเรื่องของความผิด แล้วก็ทำตามขั้นตอน หากออกหมายเรียกไปแล้วไม่มา ก็จะออกหมายจับ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องมาดูในรายละเอียดก่อนว่า จะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร.