ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กชื่อ Atongshopp 玩具 ร้านขายของเล่นชื่อดังย่านสะพานเหล็ก ได้โพสต์เรื่องราว หลังถูกพ่อค้าอันธพาลในห้างข่มขู่คุกคาม ไถเงินจำนวน180,000 บาท แถมยังบอกไม่กลัวตำรวจ เพราะถึงจะแจ้งไปก็ทำอะไรไม่ได้ โดยเจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความพร้อมหลักฐานเป็นคลิปจากกล้องวงจรปิด สรุปใจความว่า…

“แม้ะ และ มุ้ย (นามสมมุติ) เป็นพี่น้องที่เปิดร้านขายของเล่นในตึกเดียวกัน นอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้ว ทั้งคู่ยังมีพฤติกรรมอันธพาล หลายครั้งเวลาที่ทั้งคู่ไม่พอใจใครในตึก ก็จะพากันไปข่มขู่คุกคาม ลามไปถึงการทำร้ายร่างกาย คนที่ไม่อยากมีปัญหาก็ต้องยอม เวลาคุกคามหรือทำร้ายร่างกายใครก็ท้าทายให้แจ้งตำรวจได้เลย เพราะตำรวจทำอะไรเขาไม่ได้ แน่นอนว่าร้านเราเองก็โดน แต่ที่ผ่านมาเราเลือกที่จะยอม เพราะไม่อยากมีปัญหา

ตัวละครต่อมาคือ อ้วน (นามสมมุติ) เป็นหนึ่งในลูกน้องของแม้ะ มุ้ย ซึ่งอ้วนเนี่ยเรียกว่าเป็นเด็กฝากที่ แม้ะ มุ้ย เอามาฝากให้ทำงานกับทางร้าน ซึ่งระหว่างที่ทำงาน อ้วนมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์หลายอย่าง เช่น หยุดงานบ่อยเกิน 10 วันต่อเดือน ไม่รวมวันหยุดที่ได้หยุด 2 วันต่อสัปดาห์ สูบบุหรี่ภายในร้าน มาทำงานสาย รวมถึงชอบชวนคนนอกเข้ามาบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นที่เก็บเงิน

ตอนนั้นเราซึ่งเป็นผู้จัดการร้านได้ทำการตักเตือนหลายครั้ง แต่ไม่มีการปรับปรุง เราจึงทำเรื่องแจ้งเจ้าของร้านให้ยุติการจ้างทำงาน ทำให้นายอ้วนพ้นสภาพพนักงานของทางร้านไปตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 65

เมื่อแม้ะ มุ้ย ทราบว่าอ้วนถูกเชิญออก ทั้งคู่ก็ไม่พอใจ จึงข่มขู่เจ้าของร้านเพื่อบังคับให้จ่ายเงินเดือนให้อ้วน เดือนละ 15,000 บาทเป็นเวลา 1 ปี (รวมเป็นเงิน 180,000 บาท) โดยให้อ้วน รับหน้าที่ม้าใช้ทำงานต่างๆ ที่เจ้าของร้านมอบหมายซึ่งไม่ใช่ในฐานะพนักงานของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านก็เคยให้ไปเรียนขับรถ เพื่อให้มาเป็นคนขับรถก็ไม่เรียน กระทั่งปัจจุบันอ้วนก็ยังไม่มีการช่วยธุระอะไรใดๆ อย่างที่เคยคุยกันไว้ ทั้งหมดเป็นสัญญาปากเปล่า และเราไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

วันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณบ่ายสอง อ้วนเดินทางมาที่ร้านเพื่อมารับเงิน เราก็โทรฯ ติดต่อเจ้าของร้านจนได้รับคำตอบว่าให้อ้วนรอหลังวันที่ 5 ก.ค. เดี๋ยวจะจ่ายเงินให้ แต่คำตอบกลับทำให้อ้วนไม่พอใจ จึงโทรฯ ตามลูกพี่แม้ะ มุ้ยให้มาที่ร้าน พอมาถึง ทั้งคู่ก็พยายามติดต่อเจ้าของร้านแต่ก็ได้คำตอบเดียวกันว่าให้รอหลังวันที่ 5 ก.ค. ก็ยิ่งทำให้พวกเค้าไม่พอใจ เราที่งงว่าเงินจำนวนนี้คืออะไรก็เลยสอบถาม แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “มึงเกี่ยวอะไรด้วย” ซึ่งเราก็ตอบว่าเกี่ยวสิ เราเป็นหุ้นส่วนร้านนี้

แม้ะ มุ้ย ยังคงพยายามติดต่อเจ้าของร้านให้เอาเงินมาจ่ายภายในวันนี้ให้ได้ แล้วยังเริ่มแสดงพฤติกรรมอันธพาล ไล่ลูกค้าในร้านออกและสั่งให้ปิดร้านแต่เราไม่ทำตาม แม้ะที่โกรธจัดก็เริ่มเตะถีบโต๊ะเก้าอี้ของร้าน ก่อนจะสั่งให้อ้วน กับสมุนอีกคนนั่งเฝ้าร้านไว้จนกว่าเจ้าของร้านจะเอาเงิน 15,000 บาทมาจ่าย

ตอนนั้นยอมรับว่าเราเองก็เริ่มโกรธ ที่พวกเค้ามาทำลายข้าวของในร้านแบบนี้ ก็เลยพูดไปว่า “ของสกปรกหมดแล้ว โอ้มายก๊อด” จุดนี้มันทำให้แม๊ะเริ่มด่าทอและเกิดเหตุการณ์ตามในคลิป ซึ่งเราถูกกระชากผม และหน้ากากอนามัย หลังจากลงมือทำร้ายร่างกายเสร็จ แม้ะก็ข่มขู่ว่าถ้าอยากเปิดร้านต่อ เราจะต้องถอนตัวจากการเป็นผู้ถือหุ้นของร้าน และต้องไล่พนักงานที่พวกเค้าไม่ชอบออก เขาถึงอนุญาตให้ร้านเปิดขายของต่อไปได้ ส่วนมุ้ยเองก็พูดจาข่มขู่สารพัด

เราเดินทางไปแจ้งความที่ สน.พระราชวัง พร้อมคลิปหลักฐานเพื่อลงบันทึกประจำวัน แต่คุณตำรวจบอกให้เราไปตรวจร่างกายก่อนจะนัดแจ้งความอีกทีในวันนี้ (28 มิถุนายน) ระหว่างไปแจ้งความ พวกแม้ะ, มุ้ย ก็กลับมาที่ร้าน ข่มขู่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ให้โทรฯ หาเจ้าของร้านให้ได้ แถมให้ 2 สมุน มายืนจ้องพนักงานของร้านเพื่อกดดันให้ทำตามคำสั่ง

ทางร้านได้รับคำขู่ในวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ห้ามเปิดร้านเด็ดขาด ถ้าเปิดร้านจะต้องมีเรื่องอีก เจ้าของร้านจึงตัดสินใจปิดให้บริการ 1 วัน คืนวันเดียวกัน มุ้ยได้โทรฯ มาพูดคุยกับเจ้าของร้านเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรามีหลักฐานคลิปเสียงการสนทนาทั้งหมดและได้นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ในบทสนทนาทั้งคู่ยังคงข่มขู่ และยืนยันว่าตำรวจก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ แถมยังข่มขู่จะทำลายของ, ทุบกระจกร้าน ฯลฯ

วันที่ 29 มิถุนายน หลังจากแจ้งความไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ทางผู้กำกับของ สน.พระราชวัง ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ มีการประสานงานกับทางตึกเพื่อเป็นตัวกลางในการนัดไกล่เกลี่ยเคสของเราทันที แต่เมื่อนัดเวลาไกล่เกลี่ยเป็นในวันที่ 29 มิถุนายน ทางเราจำเวลานัดที่ชัดเจนไม่ได้ค่ะ ทางตึกได้โทรน มาเพื่อนัดเวลาไกล่เกลี่ยแต่พอไปจริงทางฝั่งคู่กรณีไม่ได้ให้ความร่วมมือในการเข้ามาไกล่เกลี่ยค่ะ ถึงแม้จะมีตำรวจลงไปเชิญแล้วก็ตาม เพิ่มเติมจากที่ให้ตำรวจลงไปพูดคุยได้เนื้อความประมาณว่า สิ่งที่ทางฝั่งคู่กรณีต้องการคือให้ทางร้าน ย้ายพนักงาน 3 คน ที่เป็นพนักงานขายไปทำงานอยู่ที่โกดังแทน และไม่ต้องมาที่นี้อีกเลย ทางเราเองก็คิดว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะทำแบบนี้เลยปฏิเสธข้อตกลงนี้ไปค่ะ

วันที่ 30 มิ.ย. หลังจากนัดไกล่เกลี่ยในครั้งแรกไม่สำเร็จทางร้านจึงติดต่อนัดรอบสองอีกรอบและไม่ได้คุยกับแม้ะมุ้ยโดยตรง มีเพียงคนกลางที่ติดต่อมาแทน ผลออกมาที่ทางร้านต้องยอมจ่ายเงินที่เหลือจำนวน 45,000 บาท ให้นายอ้วนทางฝั่งแม้ะมุ้ยจึงจะยอมจบ ทางร้านก็ยอมค่ะ แต่ไม่ทันที่จะจ่ายทางฝั่งแม้ะมุ้ยก็ส่งชายฉกรรจ์นำโต๊ะมาปิดหน้าร้านและขว้างปาเก้าอี้ใส่หน้าร้าน พร้อมตะโกนข่มขู่เสียงดัง ทางเราจึงตัดสินใจปิดร้านอีก 1 วันค่ะ

วันที่ 1 ก.ค. ทางร้านเปิดร้านตามปกติ หลังจากรอบที่แล้วไม่ได้ไกล่เกลี่ยและได้แต่คิดสงสัยค่ะ ว่าจะเรื่องนี้จะจบลงยังไง ในส่วนทางฝั่งผู้กำกับเองก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี ด้วยการส่งตำรวจนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบเข้ามาเฝ้าเกือบตลอดทั้งวันค่ะ ทางร้านปิดเวลา 6.20 น. หลังจากได้รวมตัวกันเดินทางกลับ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กลับก่อน ทางฝั่งคู่กรณีก็มีดักรออยู่ที่หน้าห้างค่ะ พร้อมทั้งตะโกนบอกว่าจะตามมา

อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าของโพสต์ระบุว่า ทุกเหตุการณ์มีพยานบุคคลและมีพยานหลักฐานจำนวนมาก ที่นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ถึงตรงนี้ทางร้านก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวจะจบลงตรงไหน แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่แม้ะกับมุ้ยก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุด จึงขอตีแผ่พฤติกรรมของมาเฟียสะพานเหล็กคู่นี้ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนที่เป็นภัยสังคมนั้นมีอยู่จริง

รับชมคลิป

ขอบคุณข้อมูลแลภาพ Atongshopp 玩具