เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป. ร่วมแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊ง “Romance Scam ลวงให้รักก่อนเชิดเงินหนี” หลังนำกำลังบุกเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 14 จุด ทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้ 13 ราย และผู้ต้องหาชาวไนจีเรีย 1 ราย พร้อมของกลางจำนวนมาก

​พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2565 ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่งว่า ถูกกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาทำทีตีสนิทผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้โปรไฟล์เป็นรูปภาพหญิงต่างชาติหน้าตาดี อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสาวชาวอเมริกัน กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในประเทศซีเรีย เมื่อพูดคุยกันจนสนิทสนม มิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็เริ่มออกอุบายว่า กำลังจะเดินทางมาประเทศไทย เหตุเพราะประทับใจและตกหลุมรักในตัวผู้เสียหายมาก พร้อมอ้างว่าได้ส่งพัสดุภายในเป็นทรัพย์สินมีค่ามาให้ แต่ติดปัญหาไม่สามารถนำออกจากสนามบินได้ จึงอยากให้ผู้เสียหายช่วยจ่ายเงินค่าภาษีให้ก่อน แล้วจะคืนเงินให้ภายหลัง

พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายเริ่มหลงเชื่อคล้อยตาม กลุ่มคนร้ายก็จะให้ผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนไทย ทำทีโทรศัพท์ติดต่อมายังผู้เสียหาย ก่อนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สนามบิน หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินให้อ้างเป็นค่าดำเนินการต่างๆ เพื่อที่จะสามารถนำกล่องพัสดุออกจากสนามบินได้ จนผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินให้หลายครั้งรวมกว่าล้านบาท เมื่อเห็นว่าได้ยอดเงินตามที่ต้องการ คนร้ายก็จะเริ่มออกลาย ตัดขาดการติดต่อ แล้วเชิดเงินทั้งหมดหนีหายไปในที่สุด

พ.ต.ท.อัครพล กล่าวว่า หลังรับเรื่อง ทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแสจนพบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ทำกันเป็นขบวนการ มีทั้งคนไทยและชาวไนจีเรีย โดยเฉพาะ นายอูโซซูกะวู หรือ Mr.Ezeneche Uzochukwu Jerome อายุ 45 ปี ชาวไนจีเรีย ซึ่งก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2561 เคยถูกจับในคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบ กลับมาก่อเหตุซ้ำซากหลายครั้ง อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังพบว่าเมื่อได้เงินจากผู้เสียหายแล้ว กลุ่มคนร้ายจะรีบโอนออกไปยังบัญชีธนาคารต่างประเทศทันที เฉพาะตั้งแต่ปี 2561-2564 พบมีเงินหมุนเวียนออกไปยังบัญชีในต่างประเทศรวมกว่า 800 ล้านบาท

พ.ต.ท.อัครพล กล่าวด้วยว่า เมื่อมีหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัดแล้วนั้น จึงเร่งขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและเข้าค้นเป้าหมายในพื้นที่ กทม. 7 จุด, ปทุมธานี 1 จุด, พิษณุโลก 2 จุด, อุทัยธานี 1 จุด, อุตรดิตถ์ 1 จุด, กำแพงเพชร 1 จุด และพิจิตร 1 จุด จนสามารถจับกุมตัวนายอูโซซูกะวู พร้อมผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ อีก 13 ราย และยังยึดของกลางไว้ได้จำนวนมาก

พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า จากการสอบปากคำหนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายนั้น ให้การรับว่าถูกว่าจ้างมาจากแฟนหนุ่มชาวไนจีเรีย ซึ่งเจอกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันไม่ได้คบหากันแล้ว โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์จากการหลอกลวงดังกล่าว อ้างสาเหตุที่ต้องทำ เพราะช่วงนั้นไม่มีงาน ทำให้ไม่มีรายได้ ซึ่งหลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป