เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่สโมสรตำรวจ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พานางสาวแอน (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี และ นางสาวหญิง (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี เหยื่อหญิงไทยถูกนายหน้าคนไทยหลอกไปทำงานที่อินเดีย แต่กลับถูกส่งไปค้าประเวณีโดยมีคนไทยเป็นคนคุม เหยื่อเคยหลบหนีแต่ถูกตามตัวเจอ และลากกลับมาทำร้ายจนซิลิโคนแตก ถูกขังอยู่ในห้อง 24 ชม. นาน 8 วัน นำหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกหลอกเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อให้ติดตามนายหน้าที่หลอกลวงมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน กัน จอมพลัง ระบุว่า วันนี้ตนเองพาน้องผู้เสียหาย มาพบท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เนื่องจากน้องผู้เสียหายสนใจสมัครงานไปร้านนวดแผนไทยที่อยู่ต่างแดน หลังจากไปถึง ไม่เป็นอย่างที่ตนเองหวังไว้ ถูกกลุ่มคนไทยที่ดูแลอยู่ที่นั่น ได้มีการยึดพาสปอร์ตไป ซึ่งทำตัวเป็นมาเฟียข่มเหงคนไทยด้วยกันและบังคับให้ค้าประเวณี หากต้องการกลับประเทศ ให้จ่ายเงินค่าพาสปอร์ตจำนวน 75,000 บาท หลังจากนั้นผู้เสียหาย พยายามหลบหนีออกมา แต่กลับถูกจับได้ และถูกข่มขู่กักขัง กลุ่มค้าประเวณียังอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดีย หากหลบหนีจะถูกตามและขู่ฆ่าเอาชีวิต

“ซึ่งตนเองรู้สึกแย่มาก ที่คนไทยจากต่างแดนทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง ตนไม่อยากให้ใครต้องตกอยู่ในนรกแบบนี้อีก ตนจึงประสานงานกับท่านบิ๊กโจ๊ก เพื่อที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ในช่วงบ่ายตนเองจะเดินทางไปสมัครงานที่สำนักงาน ที่ น.ส.กุ้ง ไปสมัครด้วยตนเอง ดูสิว่าตนเองจะถูกหลอกหรือไม่ อยากจะรู้ว่าเก่งเหมือนที่ท้าทายว่า รู้จักกับผู้มีอำนาจจริงหรือไม่” กัน จอมพลัง กล่าว

นางสาวแอน เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 66 ได้มีเพื่อนที่รู้จักมาชักชวนให้ไปทำงานเป็นพนักงานนวดที่ประเทศอินเดีย อ้างว่าจะใช้วีซ่าอยู่ได้ประมาณหนึ่งปี พร้อมกับระบุว่าหากอยู่ได้นานจะได้รับรายได้ประมาณเดือนละ 100,000 บาท ถ้าอยู่เป็นปีก็จะมีรายได้ประมาณกว่าหนึ่งล้านบาท ก่อนที่เพื่อนคนดังกล่าวจะส่งเบอร์โทรศัพท์ นายหน้าจัดหางานที่คือ นางสาวอารยา หรือ กุ้ง ตนเองจึงได้ทักทางแชต ไปพูดคุยกับ นางสาวกุ้ง บอกให้ตนเองส่งเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวไปให้ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. และเพียงวันเดียวคือ วันที่ 20 ส.ค. ตนเองก็ได้รับวีซ่า พร้อมกับตั๋วเครื่องบิน โดยที่ตัวเองไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งทางนายหน้าจะเป็นคนออกให้ทั้งหมด

จนกระทั่งวันที่ 21 ส.ค. ตนเองได้นัดเจอกับ นางสาวกุ้ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นได้เดินทางไปที่ประเทศอินเดีย กับเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคนแนะนำมาสองคน เมื่อลงที่สนามบินมุมไบ ก็ได้มีทีมงานของนางสาวกุ้ง มารับที่สนามบิน ก่อนที่จะพาพวกตนเองนั่งรถไปเมืองสุรัช ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อไปถึงพบว่าเป็นบ้านลักษณะคล้ายอพาร์ตเมนต์ให้เช่า ซึ่งตนเองสังเกตเห็นว่าจะมีคนไทย เป็นผู้หญิงชื่อหยก เป็นคนควบคุมดูแลสถานที่นี้อยู่ ก่อนที่จะยึดพาสปอร์ตตนเองและเพื่อนรุ่นพี่ที่ไปด้วยกัน

หลังจากนั้นก็พาตนเองและเพื่อนรุ่นพี่พาไปที่ร้านนวดแห่งหนึ่ง อ้างว่าจะพาไปดูงาน ซึ่งตนเองเห็นสถานที่แล้วก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะก็เป็นสถานนวดปกติ จากนั้นก็มีคนมาเรียกตนเองเข้าไปในห้องและให้ไปบริการลูกค้า แต่ไม่ใช่การนวดอย่างที่ตกลงกันไว้ เพราะลูกค้าบอกว่าต้องการจะมีเซ็กซ์กับตนเอง ทำให้ตนเองรู้สึกตกใจ พร้อมกับปฏิเสธ ทำให้ลูกค้าที่เป็นชายชาวอินเดียใช้มือตบหน้าตนเอง ก่อนที่ใช้กำลังบังคับข่มขืนตนเอง หลังจากนั้นตนเองก็ถูกกระทำอย่างนี้มาโดยตลอด 8 วัน ที่ตนเองทำงานอยู่ในร้านดังกล่าว จนกระทั่งตนเองต้องล้มป่วยลงเพราะซิลิโคนจากหน้าอกแตกทำให้เป็นไข้สูง แต่ทางร้านก็ไม่ได้พาตนเองไปโรงพยาบาล กลับให้กินแค่ยาพาราเซตามอล ก่อนจะบังคับให้ตนเองให้บริการลูกค้าตามปกติ แม้แต่ตนเองขอร้องว่าสภาพร่างกายไม่ไหวแล้ว แต่คนคุมไม่สนใจอะไร กลับบังคับให้ตนเองให้บริการทางเพศกับลูกค้าต่อ

ตนเองมีอาการไข้เนื่องจากซิลิโคนบริเวณหน้าอกแตก จึงตัดสินใจทักหา นายหน้า ซึ่งตนเองเรียกว่าแม่ พยายามคุยดีๆ ไปเกลี้ยกล่อมบอกว่าตนเองจะไม่ไหวแล้ว เนื่องจากมีไข้ ต้องการที่จะไปโรงพยาบาล ทางนายหน้าหรือแม่ บอกกับตนว่าหากไปหาหมอแล้วไม่เป็นความจริง ตนเองจะต้องถูกฆ่า หลังจากนั้นตนจึงถูกพาตัวส่งไปที่โรงพยาบาล ตรวจร่างกายพบว่า ซิลิโคนบริเวณหน้าอกแตก นายหน้าหรือแม่ จึงตัดภาระ ส่งตัวตนเองกลับประเทศไทย โดยสภาพปางตาย

ขณะที่ น.ส.หญิง ผู้เสียหายอีกหนึ่งคน เปิดเผยว่า ตนเองบินตามไปวันที่ 28 ส.ค. แต่เมื่อไปถึงก็ถูกกระทำเช่นเดียวกันกับนางสาวแอน จึงตัดสินใจชวนเพื่อนหลบหนี หลังจากหนีถูกตามตัวจับได้ จึงถูกนำไปขังไว้ในห้องแคบๆ มีเพียงแค่ช่องอากาศเล็กไว้ดูอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก นอนกับหนู นอนกับแมลงสาบ หลังจากถูกขังไว้นานถึง 8 วัน

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจาก กัน จอมพลัง หลังจากนี้จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วมกับสหวิชาชีพในการสอบถามข้อมูลจากเหยื่อ และรวบรวมพยานหลักฐานในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดในขบวนการดังกล่าว จนสามารถระบุตัวผู้ต้องหาได้ครบ ทั้งคนหลอกชักชวนเหยื่อ คนลักลอบพาข้ามแดน และคนไทยในประเทศอินเดีย ที่อยู่รับตัวเหยื่อปลายทาง โดยจะเร่งการสืบสวน ติดตาม จับกุมผู้ต้องหาให้ได้ทั้งหมด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันดูแลบุตรหลานของท่าน รวมทั้งให้ระมัดระวังในการหางานผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย โดยหากพบเบาะแสเกี่ยวกับขบวนการหลอกลวงเหยื่อไปค้าประเวณี หรือค้ามนุษย์ สามารถแจ้งตำรวจได้ทุกช่องทาง.