เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 ก.ย. ที่ สน.ดินแดง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา นายดวงพระเนตร อุ่นจิตร อายุ 37 ปี และ น.ส.ภัทรรินทร์ พันธ์เกียรติ์ อายุ 35 อาชีพเปิดร้านซัก-รีดผ้า พ่อแม่ของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 10 ขวบ ผู้บาดเจ็บ กรณีถูกรถประจำทางมินิบัสสาย 12 สีส้ม ทะเบียน 14-6037 กรุงเทพมหานคร ชนบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณซอยประชาสงเคราะห์ 33 แขวงและเขตดินแดง เมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา เข้าพบ พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.1 และ พ.ต.ท.โสภณ แย้มชมชื่น รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดินแดง เพื่อมาเจรจากับนางวิภาดา เพียรจัด ผอ.สำนักปฏิบัติการรถเอกชนร่วมบริการ 1 ผู้แทนฝ่ายเดินรถเอกชนร่วมบริการ ขสมก. และตัวแทนจากบริษัทเทพประธานพร จำกัด (เจ้าของรถมินิบัสสาย 12) และนายวินัย สืบด้วง อายุ 47 ปี คนขับรถมินิบัสสาย 12 เพื่อหาแนวทางเยียวยาผู้เสียหาย ระหว่างที่ยังรักษาตัวอยู่ คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการรักษาต่อเนื่อง

ภายหลังจากการประชุม น.ส.ภัทรรินทร์ กล่าวทั้งนํ้าตาว่า ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องกระเพาะปัสสาวะของลูก เนื่องจากหมอได้ลองถอดสายออกเพื่อให้น้องลองปัสสาวะด้วยตัวเอง แต่ผลปรากฏว่าน้องไม่สามารถปัสสาวะเองได้ หมอระบุว่า เป็นเพราะระบบประสาทของน้องไม่สามารถทํางานได้แล้ว ทําให้อนาคตน้องอาจจะต้องใส่ท่อเพื่อปัสสาวะตลอดชีวิต หรือต้องสวนปัสสาวะ แต่หากทําไม่ถูกต้องหรือไม่สะอาด อาจจะติดเชื้อและอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน โดยวันที่ 22 ก.ย. นี้ แพทย์ รพ.ศิริราช นัดให้พาน้องไปเอกซเรย์เพื่อเตรียมผ่าตัดครั้งที่ 4

ด้าน พ.ต.อ.ภูมิยศ กล่าวว่า คดีนี้แยกเป็น 2 ส่วน คือคดีอาญากับคดีเพ่ง คดีอาญาอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนคดีเพ่ง เรื่องของค่าเสียหาย และจากการพูดคุยในครั้งนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่า เบื้องต้นทาง ขสมก. ยื่นเสนอเงินช่วยเหลือจํานวน 1 แสนบาท อยู่ระหว่างรอการอนุมัติว่าจะได้เต็มจํานวนที่ยื่นไปหรือไม่ ส่วนเจ้าของรถคันที่เกิดเหตุ เสนอช่วยเหลือเป็นเงินจํานวน 5 หมื่นบาท คนขับรถช่วยเหลืออีก 2 หมื่นบาท นัดมอบเงินกันในวันที่ 18 ก.ย. นี้ อีกส่วนหนึ่งเป็นของบริษัทประกันภัยที่มีวงเงินอยู่ 1 ล้านบาท แต่ต้องรอให้ผู้เสียหายอาการดีขึ้น และสรุปจํานวนเงินที่ชัดเจนเสียก่อน จึงจะสามารถดําเนินการต่อไปได้

ด้านนางปวีณา กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว อยากให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนขับ ร่วมกันรับผิดชอบ และขอให้อย่าทิ้งเด็ก เพราะขณะนี้เด็กยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.วิมุต เพื่อเตรียมเข้าผ่าตัดครั้งที่ 4 เบื้องต้นหลังรักษาตัวที่ รพ.วิมุต แพทย์ระบุว่าเด็กมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ โดยหลังจากนี้อีก 2-3 เดือน จะนัดมาพูดคุยกันอีกครั้ง.