จากกรณีคนร้ายชาวจีน อุ้มเหยื่อสาวเพื่อนร่วมชาติ คาดเป็นลูกเศรษฐีจีนจับเรียกค่าไถ่ 2.5 แสนบาท หลังพาไปมีเพศสัมพันธ์ที่โรงแรมก่อนรู้ว่ามีฐานะ แต่ฝ่ายหญิงปฎิเสธให้เงินเลยจับมัดมือมัดเท้าโยนขึ้นรถ ซึ่งคนร้ายขับไปประสบอุบัติเหตุบนด่วนศรีรัชช่วงทางลงถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. กระทั่งตำรวจตามจับกุมได้เลยรอดหวุดหวิด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่สน.มักกะสัน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เดินทางมาสอบปากคำนายจ้าว วู่ หลิน ชาวจีน อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาชาวจีนที่ก่อเหตุ โดยมี พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.เสนาะ พูนเพชร รรท.ผกก.สน.มักกะสัน ร่วมสอบปากคำ

พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพบว่า หญิงสาวชาวจีน อายุ 27 ปี มีอาชีพเป็นนายหน้าหาคนไปศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี เดินทางเข้าประเทศไทยหลายครั้งในวีซ่านักท่องเที่ยว โดยครั้งล่าสุดพบเดินทางเข้าประเทศเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากเดินทางไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีและกลับมาพักผ่อนที่ประเทศไทย ก่อนที่จะมีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับคนร้ายผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม มีการพูดคุยทำความรู้จักกัน ประมาณ 10 วัน ก่อนที่ในเมื่อช่วงค่ำวานนี้จะนัดเจอกันที่ร้านอาหารปิ้งย่างแห่งหนึ่ง เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน

จับหนุ่มอุ้มลูกสาวเศรษฐีจีนเรียกค่าไถ่ หลังพาไปมีเพศสัมพันธ์รู้ว่ารวย

พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยต่อว่า ภายหลังจากที่ผู้เสียหายทานอาหารและดื่มสุราไปสักระยะก็รู้สึกมึนศีรษะ ก่อนจะจำความอะไรไม่ได้ จนในช่วงเช้าวันนี้หญิงสาวผู้เสียหายตื่นมาที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง 81 ซึ่งเป็นที่พักของคนร้าย ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า ซึ่งเมื่อตั้งสติได้ ฝ่ายคนร้ายได้บอกว่าจะพาไปทานอาหารและพาไปเที่ยวต่อที่พัทยา จ.ชลบุรี จากนั้นคนร้ายพาผู้เสียหายมาขึ้นรถยนต์คันที่ประสบอุบัติเหตุ เพื่อพาไปซื้ออาหารกล่องที่ซุปเปอร์มาเก็ต โดยก่อนหน้านั้นหญิงสาวนั่งคู่กับคนร้ายที่เบาะหน้า แต่เมื่อซื้ออาหารแล้ว ก็ย้ายไปนั่งที่เบาะหลังเพื่อทานอาหาร

พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยต่ออีกว่า ขณะนั้นเองคนร้ายได้ใช้วาจาข่มขู่ และบีบคอหญิงสาวผู้เสียหาย พร้อมกับขับรถไปยังพื้นที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง จากนั้นใช้เชือกมัดมือ มัดเท้าหญิงสาว พร้อมขู่เรียกค่าไถ่จำนวน 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงได้ติดต่อเพื่อนให้โอนเงินมาให้ โดยได้เงินมาประมาณ 50,000 หยวน หรือ ประมาณ 250,000 บาท มีการโอนเข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะตกลงกับหญิงสาวเพื่อพาไปกดเงินและแลกเป็นเงินไทย จากนั้นก็ขับรถขึ้นทางด่วน ด่านศรีนครินทร์ มุ่งหน้าไปทางห้วยขวาง ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขึ้น

ซึ่งจากภาพวงจรปิด จะเห็นได้ว่าหลังจากเฉี่ยวชนกันบนทางด่วนแล้ว คนร้ายได้เดินออกมาเพื่อพูดคุยกับคู่กรณี และเนื่องจากคนร้ายมัดมือมัดเท้าไม่แน่น หญิงสาวจึงปีนมาจากเบาะหลัง ข้ามมายังฝั่งประตูหน้าด้านคนขับ จากนั้นก็วิ่งหนีออกมา ไปขอความช่วยเหลือจากรถแท็กซี่คันสีเหลือง ก่อนที่ตำรวจ บก.จร.จะได้รับแจ้ง และมีการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบรถคนร้ายที่ขับลงมาจากทางด่วนเพื่อไกล่เกลี่ยค่าเสียหายกับรถของคู่กรณี จนจับกุมได้ในที่สุด โดยตำรวจพบของกลางเป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท และเงินสกุลต่างๆอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมเชือกที่ใช้มัดหญิงสาว

จากการตรวจสอบประวัติคนร้ายชาวจีนคนนี้ เจ้าตัวรับว่าทำอาชีพเป็นคนขับรถอยู่ที่ดูไบ เดินทางมาจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าประเทศไทยมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งล่าสุดเข้าประเทศมาเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา และลงมือก่อเหตุทันที โดยเชื่อว่าการกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำเพียงคนเดียว เพราะหลังจากที่พูดคุยกับหญิงสาวผู้เสียหายแล้วคนร้ายเชื่อว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นคนมีฐานะ จึงได้ก่อเหตุเรียกค่าไถ่ เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงกับแก๊งจีนเทาแต่อย่างใด หลังจากนี้ก็จะประสานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน เพื่อตรวจสอบว่าเคยมีประวัติอาชญากรรมที่ประเทศจีนหรือไม่ ส่วนรถที่คนร้ายใช้นั้นเป็นรถเช่ามาตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. วันละ 5,000 บาท และวันนี้คือวันครบกำหนดในการคืนรถด้วย

เบื้องต้นตำรวจจะแจ้งข้อหา “เรียกค่าไถ่ , หน่วงเหนี่ยวกักขัง , ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ , และข้อหาอนาจาร” โดยต้องรอผลตรวจร่างกายของผู้เสียหายก่อนจึงจะแจ้งข้อหาข่มขืนเพิ่มเติมได้ต่อไป หลังจากนี้จะคุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีและพาไปฝากขังศาลอาญารัชดาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.