เมื่อวันที่ 18 ก.ย. พ.ต.ท.ทินภัทร จันทร์สุข สว.(สอบสวน)สภ.บางเสาธง ได้รับแจ้งมีผู้ผูกคอเสียชีวิต ภายในซอยไทยประกัน 3 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรจากโรงพยาบาลบางเสาธง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณใต้เสาไฟฟ้าแรงสูง พบร่างนายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี อาชีพคนขับรถตู้รับส่งพนักงานของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ใช้สายเบลท์ผูกคอตัวเองกับเสาไฟฟ้าแรงสูง จากการตรวจสอบไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการต่อสู้ โดยเริ่มมีมดและแมลงมาเกาะตามร่าง คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง

จากการสอบถามเพื่อนร่วมงานผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเป็นคนขับรถรับส่งพนักงานจากย่านบางพลี ที่ผ่านมาไม่เคยบอกปัญหาหรือเรื่องราวความทุกข์ใดๆกับตนเองและเพื่อนร่วมงาน และคงทำหน้าที่ขับรถตามปกติ กระทั่งช่วง 7 โมง ผู้ตายไม่ไปรับคนงานและติดต่อไม่ได้ จึงให้คนขับรถอีกคันออกตามหา กระทั่งมาพบว่ารถจอดบริเวณดังกล่าว จึงโทรฯแจ้งตนเองมาดู พอมาถึงไม่พบผู้ตายในรถ จึงเดินสำรวจรอบๆ ก็เห็นว่าผู้ตายผูกคอใต้เสาไฟฟ้าเสียชีวิตแล้ว

ด้านนายสมชาย (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี พี่ชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า น้องชายไม่ได้พักอาศัยด้วยกันและออกมาเช่าห้องอยู่เพียงลำพัง ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเล่าหรือบอกอะไรให้กับตนเองฟัง แต่ก็มีโทรฯคุยกันบ้างตามปกติของพี่น้อง จนกระทั่งมาวันนี้มีคนบอกว่าพบศพน้องชาย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 3 กิโลเมตร จึงรีบมาที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุคาดว่าอาจมาจากหนี้สิน

ต่อมาขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ได้มีนางพิมพ์พร (สงวนนามสกุล) วัย 72 ปี แม่ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ เห็นศพลูกชายถึงกับนั่งร้องไห้ ก่อนเดินเข้าไปที่ร่างผู้เสียชีวิต ในระหว่างที่รอแพทย์ร่วมชันสูตรพลิกศพ โดยแม่ผู้เสียชีวิตได้เดินมาลูบไล้ไล่มดและแมลงที่ไต่เกาะตามร่างกายไร้วิญญาณของลูกชาย สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็น

ด้านนางพิมพ์พร กล่าวว่า เจอหน้าลูกชายคนนี้ล่าสุดก็วันแม่ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เคยบอกกล่าวอะไร เพราะเขาแยกไปเช่าห้องอยู่ต่างหาก ก่อนหน้านี้โทรฯมายืมเงิน 2-3 พันบาท และบอกว่าวันที่ 16 ก.ย. จะคืนให้ หลังจากวันที่ 16 ก็โทรฯหาลูกแต่ติดต่อไม่ได้ กระทั่งมาพบว่าเสียชีวิตแล้ว

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ ก่อนจะเชิญทางครอบครัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาชนวนเหตุที่แท้จริง และมอบศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.