กรณี มูลนิธิกระจกเงา ออกประกาศตามหา น้องมัว เด็กชายอายุ 14 ปี ที่หายออกจากบริเวณวัดบางโฉมศรี ต.ชีนํ้าร้าย อ.อินทร์บุรี จ. สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถูก นายพัน หรือ บอย อายุ 40-50 ปี อาชีพเก็บของเก่าขายในตัวเมืองสิงห์บุรี ลักพาตัวไป
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 29 ก.ย.พ.ต.ท.พิพัฒน์ จ่างแก้ว รอง ผกก.สืบสวน สภ.ประจันตคาม เปิดเผยว่าเมื่อช่วงค่ำทีผ่านมา ได้รับแจ้งจากนายวรฉัตร นิยมสุข ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.ประจันตคาม ว่านายปิยะพงษ์ หนองเฆ่(พันหรือบอย) อายุ 35 ปี ผู้ก่อเหตุลักพาตัว ด.ช.น้องมัว อายุ 13 ปี ไปจากวัดแห่งหนึ่งใน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี พบหลบอยู่ที่บ้านแม่ ที่หมู่บ้านเกาะกระต่าย หมู่ที่ 6 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ปกครองจึงได้เข้าตรวจสอบและ นำตัวน้องมัวซึ่งนั่งอยู่ในรถ อยู่ที่หน้าบ้าน ออกมาอย่างปลอดภัย พร้อมทั้งเข้าจับกุมนายพัน ก่อนพาตัวไปทำการสอบสวนที่ สภ.ประจันตคาม
จากการสอบสวนนายปิยะพงษ์ รับสารภาพว่า เคยก่อคดีที่กบินทร์บุรี ข้อหาพรากผู้เยาว์และทำอนาจาร เมื่อปี 2557 จากนั้นก็หลบหนีไปเรื่อย คดีที่ 2 ที่ประจันตคาม ก็คดีพรากผู้เยาว์ เมื่อปี 2559 ครั้งที่ 3 ก็ครั้งนี้ โดยเอาซาเล้งไปขาย จากนั้นก็เดินทางไป สระบุรีและเช่าโรงแรมนอน 2 คืน จากนั้นก็นั่งรถมานครนายก และขายโทรศัพท์ซื้อเสื้อผ้าให้เด็ก พาเข้ากบินทร์บุรี เดินตลาดนัด มาอยู่ประจันตคาม 5 วัน เคยทำร้ายเด็กไปครั้งเดียว ตบตีเด็ก 2 ครั้ง ซึ่งตนเองอยากบอกว่า ขอโทษพ่อแม่เด็กในสิ่งที่ได้ทำลงไปพร้อมกับยอมรับผิด
จากการตรวจสอบประวัตินายปิยะพงษ์ พบว่าคนร้ายเคยกระทำผิดในท้องที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี และมีหมายจับของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 80/2557 ลงวันที่ 17 เมษายน 2557 ในฐานความผิด ” พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ,พาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าไปเพื่อการอนาจาร , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่สามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม,ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพฯ , หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” อีกด้วย
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวคนร้ายไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป