เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 29 ก.ย.ที่มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี  นายหนึ่ง (พี่ชายต่างมารดา) อายุ 32 ปี เดินทางเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า น.ส.สอง อายุ 23 ปี น้องสาว ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนตั้งแต่ 9 ขวบ จนปัจจุบันน้องสาวอายุ 24 ปี มีลูกชายกับพ่อเลี้ยงถึง 3 คน อายุ 10 ขวบ 7 ขวบ และ 5 ขวบ ที่ผ่านมาน้องสาวไม่กล้าบอกใคร เพราะพ่อเลี้ยงข่มขู่จะฆ่าให้ตาย แม้แต่แม่แท้ๆ ที่อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งต้นเดือน เม.ย.66 พ่อเลี้ยงเอาเรื่องทั้งหมดไปบอกแม่ว่าได้กระทำกับน้องสาวตั้งแต่เด็กและเด็กน้อยทั้ง 3 คนก็เป็นลูกของตัวเอง สาเหตุเพราะว่าพ่อเลี้ยงหึงหวงกลัวว่าน้องสาวจะไปมีคนอื่น พอแม่รู้เรื่องก็ทำใจรับไม่ได้หนีออกจากบ้านไปทันที

ต่อมาน้องสาวตามหาตนจนเจอในเฟซบุ๊กเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเจอกันเลย ตนเคยเห็นน้องสาวครั้งเดียวตอนอายุ 5-6 เดือนเท่านั้น น้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังพร้อมกับบอกว่าไม่ต้องการจะอยู่กับพ่อเลี้ยงอีกต่อไป วันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนจึงได้นัดแนะให้น้องสาวพาลูกทั้ง 3 คน ออกมาหาช่วงที่พ่อเลี้ยงไปทำงานและรับมาอยู่ด้วยก่อนจะติดต่อขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ

ด้านน.ส.สอง ผู้เสียหาย เล่าว่า ตั้งแต่หนูยังเล็กแม่กับพ่อเลี้ยงมีอาชีพร้อยพวงมาลัยขายตามที่ต่างๆ โดยอาศัยอยู่ห้องเช่าย่านสายไหม กรุงเทพฯ ขณะที่หนูยังเด็กก็ต้องช่วยแม่เดินขายตามร้านอาหาร ตอนหนูอายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้นป.2 ขณะที่แม่ออกไปขายพวงมาลัยพ่อเลี้ยงได้ข่มขืนหนูและห้ามไปบอกใครมิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย หนูกลัวมากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จากนั้นหนูก็ถูกพ่อเลี้ยงกระทำเรื่อยมาจนอายุ 13 ปี เกิดตั้งท้องขณะเรียนอยู่ชั้นม.1 ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันและพ่อเลี้ยงไม่ให้เรียนหนังสืออีกเลย พ่อเลี้ยงบังคับหนูไม่ให้บอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกใคร หนูต้องอ้างกับแม่ว่าถูกเพื่อนชายที่โรงเรียนข่มขืนแล้วคนทำก็หนีหายไปแล้ว แม่ก็ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร พอหนูอายุ 17 ปี ก็ท้องลูกคนที่ 2 อายุ 19 ปี ท้องลูกคนที่ 3 คนเล็กตอนนี้ 5 ขวบแล้ว แม่ไม่เคยถามว่าหนูท้องกับใครเพราะเข้าใจว่าหนูผิดพลาดไปมีแฟนจนท้องแล้วไม่อยากซ้ำเติม ได้แต่บอกให้ก้มหน้าเลี้ยงลูกไป ต่อมาช่วงปี 62 ที่โควิดระบาด พ่อเลี้ยงกับแม่ได้พาหนูกับลูกชาย 3 คน ไปอยู่ที่จ.กำแพงเพชร บ้านเกิดของพ่อเลี้ยงจนหนูทนไม่ไหวแล้ว

 “ที่ผ่านมาหนูเคยคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง อยากจะไปกระโดดตึก หรือหนีไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ แต่หนูไม่รู้จักใครที่ไหน บอกใครก็ไม่ได้ กลัวว่าแม่รู้จะเสียใจ แต่พ่อเลี้ยงก็เป็นคนไปบอกแม่เสียเองจนแม่เสียใจหนีออกจากบ้านไป หนุจำได้ว่าแม่เคยบอกว่าหนูมีพี่ชายต่างแม่ จึงได้พยายามหาจากเฟซบุ๊กจนเจอและขอความช่วยเหลือให้พามาร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ เพราะหนูต้องการจะเอาเรื่องพ่อเลี้ยงให้ถึงที่สุด”    

ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ หลังรับเรื่องได้ประสาน พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร และน.ส.วิมลรัตน์ รัชชุกูล. พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกำแพงเพชร ก่อนให้พี่ชายพาน้องสาวและลูกชายทั้ง 3 คน เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองกำแพงเพชร หลังสอบปากคำเบื้องต้นผู้เสียหาย ทราบว่าขณะที่น.ส.สอง ถูกพ่อเลี้ยงกระทำ เหตุเกิดในพื้นที่ สน.สายไหม กรุงเทพฯ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองกำแพงเพชร จึงได้รับเรื่องเบื้องต้นก่อนประสานสน.สายไหมรับเรื่องต่อ

ทั้งนี้นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พานายหนึ่งกับน.ส.สอง พี่ชายน้องสาวและลูกชายทั้ง 3 คน เข้าแจ้งความในวันที่ 26 ก.ย.66 พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำน.ส.สอง อย่างละเอียด พร้อมกับตรวจดีเอ็นเอด.ช.ทั้ง 3 คน เก็บไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาวันที่ 27 ก.ย. พนักงานสอบสวนได้พาน.ส.สอง ไปชี้ที่เกิดเหตุบ้านเช่าที่เคยอยู่ 2 แห่ง ย่านสายไหม และพื้นที่กม.24 กรุงเทพฯ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับพ่อเลี้ยงในวันนี้ 29 ก.ย.66 พร้อมเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี จนล่าสุดเมื่อเวลา17.00น.วันนี้ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวพ่อเลี้ยงได้แล้วที่จ.กำแพงเพชร และระหว่างนำตัวมาดำเนินคดีทางกฏหมาย

 นางปวีณา กล่าวว่า ขอบคุณ พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สายไหม ที่ทำงานอย่างรวดเร็ว และขอบคุณ พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร ที่เร่งจับกุมพ่อเลี้ยงมาดำเนินคดี ในส่วนของสภาพจิตใจน.ส.สอง ระหว่างที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ ตอนนี้ดีขึ้นมาก หลังเจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดแล้วน.ส.สอง กับลูกชาย 3 คน จะไปอาศัยอยู่กับพี่ชายที่ต่างจังหวัด ทั้งนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะได้ประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้การช่วยเหลือต่อไป.