เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 100 บ้านหนองเดิ่นพัฒนา หมู่ 23 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม พบกับ นางเนตรนภา อายุ 38 ปี พี่สาวของนายเศรษฐา หรือ ต้อม หลังได้รับแจ้งจากเพื่อนในแคมป์อิสราเอล ถูกกลุ่มคนร้ายจับตัวไป 5 คน ในจำนวนนี้ 3 คน หนีออกมาได้ นางเนตรนภา เปิดเผยว่า ตนเป็นพี่สาวคนโต น้องชายมี 3 คนคือ นายเศรษฐา อายุ 36 ปี และคู่แฝดนายเศรษฐา คือ นายเจษฎา อายุ 36 ปี และคนเล็กนายอนุวัต อายุ 32 ปี ไปทำงานที่อิสราเอล คนโตไปก่อนแล้ว น้องชายอีก 2 คนไปในเวลาไล่เลี่ยกัน

นางเนตรนภา เล่าต่อว่า ก่อนสู้รบในฉนวนกาซายังติดต่อพูดคุยกับน้องชายได้ทั้ง 3 คน กระทั่งวันที่ 7 ต.ค. 66 ทราบข่าวช่วงเย็นวันเกิดเหตุ เพื่อนของน้องชายที่อยู่ในแคมป์วิดีโอคอลมาบอกว่า คนร้ายกลุ่มฮามาสบุกเข้าแคมป์ที่มีอยู่ 11 คน จับตัวไป 5 คน โดย 3 คนหนีรอดออกมาได้และเล่าให้ฟัง น้องชายตนกับชาว จ.อุดรธานี ถูกจับตัวไป 2 คน คนร้ายได้ซ้อมน้องชายและยังใช้อาวุธมีดกรีดหลังเพื่อนชาว จ.อุดรธานี ที่ไปทำงานได้แค่ 3 วัน บาดเจ็บทรมาน หลังเกิดเหตุ นายถ่าย โฮมสร อายุ 56 ปี พ่อและตนพร้อมญาติพี่น้องกว่า 10 คน ต่างกินไม่ได้นอนไม่หลับ

นายเศรษฐา แม่เสียชีวิตวันที่ 18 ส.ค. 66 และไม่ได้มาร่วมงานศพกับน้องชายอีก 3 คน โดยน้องชาย วิดีโอคอลบอกว่าวันที่ 10 ต.ค. 66 นายจ้างจะเดินทางกลับบ้านเพราะหมดหนี้หมดสิ้นแล้ว แต่มาเกิดเหตุวันที่ 7 ต.ค. เสียก่อน บ่นมาอยากกลับ อยากพบลูกสาว 4 ขวบ หลังเคยเห็นหน้าลูกสาวตั้งแต่อายุ 2 เดือน จนขณะนี้ยังติดต่อนายเศรษฐาไม่ได้ โชคดีที่น้องชายไม่ได้วิ่งหนี ถ้าคนไหนวิ่งหนีจะถูกยิงทันที

ขณะที่นางอรวรรณ อายุ 33 ปี ภรรยานายอนุวัต ได้วิดีโอคอลมาพูดคุยกับสามีด้วย บอกว่าอยากจะกลับบ้านแล้ว แม้ไปเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทำงานได้ 3 เดือน ก็อยากกลับบ้านร่วมกับพี่ชายฝาแฝด 2 คนแล้ว เงินก็อยากได้แต่ไม่ปลอดภัย อยากกลับบ้านแล้ว จึงขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งค้นหาตัวน้องชายโดยด่วน