เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เข้ายื่นหนังสือต่อนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้รีบส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และในฐานะผู้ต้องขังเด็ดขาด กลับเข้าสู่เรือนจำฯ โดยมีนายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ หัวหน้าศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข เป็นตัวแทนรับเรื่อง

‘อธิบดีราชทัณฑ์’ ยันภาพ ‘ทักษิณ’ บนเตียงผู้ป่วยของจริง เข็นไปทำซีทีสแกน-MRI

โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า ได้ติดตามกรณีของนายทักษิณ และไม่เห็นด้วยที่นายทักษิณออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ โดยที่ผ่านมา ตนและคณะได้มีหนังสือถึงปลัดกระทระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 66 เรื่อง ขอให้กรมราชทัณฑ์ยุติการเลือกปฏิบัติแก่นักโทษเป็นกรณีพิเศษ ต่อมากรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือตอบกลับมา ลงวันที่ 19 ก.ย. 66 เนื้อหาหลักเป็นการอ้างอาการป่วยเดิมและข้อกังวล ซึ่งเป็นข้ออ้างในการนำตัว นายทักษิณ ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ มากกว่าการสอบข้อเท็จจริง ทั้งที่สังคมก็ยังมีคำถามถึงอาการป่วยว่าป่วยจริงหรือไม่ รวมทั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมไทย ว่ากำลังถูกบังคับใช้สิทธิหรือมอบอภิสิทธิ์แก่นายทักษิณ เพียงคนเดียวหรือไม่

นายพิชิต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนและคณะ ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงวันที่ 22 ก.ย. 66 เรื่อง ขอให้เปิดเผยกรณีการอนุญาตให้นายทักษิณ ไปรักษาตัวนอกเรือนจํา และคัดค้านการขยายเวลานอนรักษาตัวต่อของนายทักษิณ เพราะเห็นว่าเหตุผลที่อ้างผ่าตัดนั้น จะเป็นเพียงข้ออ้างในการขยายเวลา หากมีการผ่าตัดจริง ทำไมต้องรอเวลามาถึง 30 วัน หรือเหตุแห่งการผ่าตัดนั้น ก็ไม่น่าใช่เหตุแห่งโรคที่กล่าวอ้างในการออกไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ตั้งแต่แรก

นายพิชิต กล่าวว่า ตนได้รับทราบถึงความเห็นของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคต่างๆ ของนายทักษิณ ซึ่งเป็นนายแพทย์ภายนอก รพ.ตำรวจ ก็มีความเห็นที่สอดคล้องกันทางสังคมว่า โรคที่กล่าวอ้างนั้น หากมีการรักษาหรือผ่าตัดจริงด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันและกำลังทุนในการรักษาตัวเอง ก็ใช้เวลาในการฟื้นตัวไม่นาน อย่างไรก็ตาม เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ดำเนินการยื่นสำนวนร้องทุกข์กล่าวโทษ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งได้ร้องทุกข์ต่อ 1.นายอายุตม์ สินธพพันธ์ อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2.นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ 3.นายแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ 4.พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ และ 5.พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งในการร้อง ป.ป.ช. ครั้งนั้น ยังไม่ได้มีการร้องทุกข์ต่อนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม แต่อย่างใด

นายพิชิต กล่าวต่อว่า กรณีที่นายทักษิณ จะได้รับการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำครบ 60 วัน อำนาจการพิจารณาจะไปอยู่ที่ปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่าจะมีการอนุญาตให้นายทักษิณ นอนรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ ดังนั้น วันนี้ตนและคณะจึงมายื่นหนังสือเพื่อ 3 วัตถุประสงค์ ประกอบด้วย 1.นำตัวผู้ต้องขังเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างสิทธินอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจกลับเข้ามารับโทษที่เรือนจำโดยเร่งด่วน อย่าให้กระบวนการยุติธรรมต้องเป็นเครื่องมือเฉพาะบุคคล 2.ขอคัดค้านกระบวนการร่วมกันจัดฉาก เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการขยายเวลานอนนอกเรือนจำของนายทักษิณ ที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้รับผิดชอบในการตัดสินใจในครั้งนี้ และ 3.ขอยืนยันในการเรียกร้องให้องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ เช่น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา ได้มีสิทธิในการเข้าไปร่วมสังเกตอาการข้ออ้างในการป่วยของนายทักษิณ ซึ่งเป็นสิ่งที่กรมราชทัณฑ์ภายใต้การกำกับของกระทรวงยุติธรรมเคยปฏิบัติตามหลักสากลมาโดยตลอด เพราะที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรม ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้สังคมได้ว่านายทักษิณมีการป่วยจริง จึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ยึดหลักที่ปฏิบัติเหมือนกับที่นายเปรมชัย กรรรสูต (จำเลยที่ 1 ในคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร) หรือ กรณีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จึงขอฝากบอกไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า หากจะกลับมา ก็ขอให้ยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม

ขณะที่นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทน คปท. กล่าวว่า ดูเหมือนว่าผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม จะมีการหลีกหนีหน้าพวกเรา ในเมื่อกระทรวงไม่ให้คำตอบ ดังนั้นในวันอาทิตย์นี้ (22 ต.ค.) พวกตนจะจัดกิจกรรมหน้าอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ คงจะขอเดินขึ้นไปดูที่ชั้น 14 เพื่อดูว่านายทักษิณมีการป่วยแค่ไหน โดยกระทรวงยุติธรรมต้องรีบตอบข้อสงสัย เพราะ 60 วันที่ทักษิณอยู่นั้น มันเป็น 60 วันที่คลุมเครือ และตนฝากบอกผู้บริหารอย่าหนีหน้าสังคม หรือเอื้ออำนวยให้นายทักษิณ ทั้งนี้ หากปลัดกระทรวงยุติธรรม จะมีการอนุญาตให้นายทักษิณนอนรักษาตัวเกินกว่า 60 วัน ถ้ามีการขยายต่อจริง เท่ากับเป็นการสมรู้ร่วมคิดให้กับนักโทษ ตนพร้อมไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้สอบสวนเพิ่มเติมในกรณีของปลัดกระทรวงยุติธรรม

นายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ หัวหน้าศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข ตัวแทนรับเรื่อง กล่าวว่า ขอขอบคุณสื่อมวลชนและผู้ร้อง วันนี้ในฐานะตัวแทนผู้บริหาร ตนได้รับการมอบหมายให้รับเรื่องร้องเรียน และเมื่อได้รับเรื่องแล้ว จะดำเนินการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ส่วนคำตอบอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีผู้มาร้องเรียนถึงผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เกี่ยวกับกรณีของนายทักษิณถึงสองวันติดกันนั้น ตนต้องเรียนว่ากรณีดังกล่าวเป็นการยื่นหนังสือ และในฐานะที่ตนเป็นเพียงผู้รับเรื่อง จึงไม่สามารถมีมุมมองหรือพิจารณาเองได้ จะต้องมีการเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาก่อน ส่วนข้อครหาว่ากระทรวงยุติธรรมจะมีมลทินจากเรื่องดังกล่าว ตนก็ขอให้ติดตามดูในส่วนของการพิจารณาของผู้บริหารก่อน.