จากกรณีที่นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด อายุ 37 ปี ผู้ต้องโทษในความผิดคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ พ.ร.บ.อาวุธปืน กำหนดโทษรวม 21 ปี 3 เดือน 25 วัน และจะพ้นโทษในวันที่ 6 พ.ค. 2586 ก่อนก่อเหตุหลบหนีขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 22 ต.ค. ต่อมาศาลออกได้อนุมัติหมายจับ 5 ผู้ช่วยเหลือเสี่ยแป้ง ได้แก่ น.ส.ยุวเรศ กลศึก หรือหมวย (คนว่าจ้าง น.ส.วิลาวัลย์), น.ส.วิลาวัลย์ หมื่นรักษ์ หรือไหม (คนเฝ้าไข้เสี่ยแป้ง), นายจักรี แป้นน้อย หรือบิ๊ก, นายจีระวุฒิ ชุมศรี หรือบอย และนายคเนศ ทองประจง ฐานความผิดร่วมกันกระทำการด้วยประการใดให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาลซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไปหลุดพ้นจากการคุมขังไป ขณะที่เสี่ยแป้งซึ่งยังอยู่ระหว่างหลบหนีกบดานในประเทศไทย ศาลได้ออกหมายจับในความผิดฐานหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ต.ค. นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังคงอยู่ระหว่างสอบสวน และประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะการไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อย้อนดูว่าก่อนหน้านี้มีใครเข้ามาพบนายเชาวลิต หรือมีท่าทีลักษณะให้การช่วยเหลือสมคบคิดอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบถามประเด็นข้อสงสัยต่างๆ อาทิ ในส่วนระเบียบกรมราชทัณฑ์ ที่กำหนดว่าไม่อนุญาตให้จ้างคนนอกมาเฝ้าไข้ผู้ต้องขังที่รักษาตัวในโรงพยาบาลนอกเรือนจำ และอนุญาตเฉพาะให้ญาติที่ลงทะเบียนไว้กับเรือนจำเท่านั้น (กรณีป่วยหนัก) หรือในกรณีที่แพทย์นัดหมายทำการรักษาแต่ได้มีการแจ้งเลื่อนออกไป เหตุใดยังมีการนำนักโทษออกมาที่โรงพยาบาล ซึ่งในหลายๆ ประเด็นนั้น เมื่อคณะกรรมการได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว ราชทัณฑ์จะชี้แจงต่อสาธารณะให้รับทราบอย่างแน่นอน

นายณรงค์ เผยต่อว่า ภายหลังจากที่กรมราชทัณฑ์ โดยอธิบดีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนั้น ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน (24-28 ต.ค.) ว่า ผู้คุมราชทัณฑ์มีการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อหรือไม่ หรือมีการเอื้อประโยชน์ให้นักโทษก่อเหตุหลบหนีหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบพาดพิงถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนอื่นๆ เพิ่มเติม ราชทัณฑ์ก็จะดำเนินการเอาผิดทั้งวินัยและอาญาด้วย นอกจากนี้ ในช่วงระยะหลังที่ผ่านมา พบว่าผู้ต้องขังคดีร้ายแรงอาจมีการวางแผนก่อเหตุหลบหนีมากขึ้น ในระหว่างถูกนำตัวออกมานอกเรือนจำฯ นับตั้งแต่กรณีของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ที่วางแผนหลบหนีในชั้นศาล โดยปกติแล้ว ภายในเรือนจำทุกแห่งจะมีมาตรการดูแลผู้ต้องขังอย่างเข้มงวด จึงทำให้ผู้ต้องขังต้องไปพยายามวางแผนจากสถานที่อื่น ซึ่งเป็นช่องว่างที่มีความเสี่ยงน้อย และการพิจารณาออกมารักษาตัวภายนอกเรือนจำ ราชทัณฑ์จะมีมาตรการป้องกันที่คุมเข้ม ทั้งการใส่เครื่องพันธนาการ การเดินตรวจตราเป็นพิเศษ แต่การหลบหนีครั้งนี้ อาจเกิดจากความประมาทเลินเล่อหรือเอื้อประโยชน์กันหรือไม่ ก็จะต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการ จึงจะสรุปได้

นายณรงค์ กล่าวปิดท้ายว่า กรณีจะมีการเพิ่มจำนวนผู้คุมราชทัณฑ์มากกว่า 2 คน ต่อการดูแลผู้ต้องขัง 1 คน หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณา ส่วนเรื่องการใช้กุญแจไขให้นักโทษ อยู่ในรายละเอียดของสำนวนการสอบสวน

ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภจ.นครศรีธรรมราช เผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เฝ้าไข้นายเชาวลิตในคืนเกิดเหตุไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และตำรวจให้ความมั่นใจได้ว่าจะติดตามนำตัวผู้ต้องหากลับมาให้ได้ ส่วนเรื่องหมายจับบุคคลทั้ง 6 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ตำรวจจับกุมได้แล้ว 3 ราย (นางหมวย น.ส.ไหม และนายคเนศ) ส่วนอีก 3 ราย (เสี่ยแป้ง นายปิ๊ก และนายบอย) ยังอยู่ระหว่างหลบหนี และหากหลังจากนี้พบว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติม มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการขอศาลออกหมายจับเช่นเดียวกัน แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่พบบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนให้การช่วยเหลือนายเชาวลิตแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่มีรายงานมาว่านายเชาวลิตและผู้ที่ติดตามไปด้วยมีอาวุธครบมือ หากมีการเผชิญหน้ากันจะมีการระวังอย่างไรนั้น ทางผู้บังคับบัญชาได้มีการกำชับให้ระมัดระวัง โดยให้ใช้ยุทธวิธีในการปฏิบัติหน้าที่ และทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์การปฏิบัติงาน

พล.ต.ต.สมชาย เผยด้วยว่า นายเชาวลิตไม่มีพ่อแม่ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันกับทั้งคู่ แต่ตำรวจได้ประสานไปยังญาติพี่น้องคนใกล้ชิดของนายเชาวลิตแทน อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังคงสอบปากคำนายคเนศ ทองประจง ที่ได้จับกุมวานนี้ (28 ต.ค.) เพื่อให้ได้รายละเอียดว่า มีการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาอย่างไรบ้าง และการจับกุมนายคเนศ ก็ขยายผลมาจากภาพวงจรปิดของ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ซึ่งจับภาพได้ชัดเจนว่า นายคเนศเกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือนายเชาวลิต ก่อนเกิดเหตุการณ์สะเดาะตรวนหลบหนีไปในคืนวันที่ 22 ต.ค. ดังนั้น จึงขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ.