กำลังเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่บนโลกออนไลน์ให้ความสนใจมากในขณะนี้ หลังจากมีหนุ่มคนหนึ่งเจอเรื่องสุดอึดอัดหัวใจ ที่พ่อแท้ ๆ ได้มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือเหมือนพยายามจะคุกคามภรรยา ทั้งแอบสวมกอดและพยายามจะจูบปาก จึงทำให้ภรรยารู้สึกไม่ปลอดภัยเลยขอพูดตรง ๆ กับฝ่ายชาย ทำให้รู้สึกเครียดหนัก ไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้ยังไงดี ก่อนมาเขียนอธิบายความใจลง Pantip

โดยระบุว่า “เกริ่นนำก่อนนะครับ บ้านผมเปิดธุรกิจส่วนตัว ที่บ้านมีสมาชิกอยู่ 6 คน ได้แก่ พ่อ แม่ ผม ภรรยาผม น้องสาว น้องชาย ซึ่งพ่อ แม่ ผม ภรรยาผม อยู่บ้านใหญ่หลังเดียวกัน ส่วนน้องสาวน้องชาย อยู่บ้านอีกหลังแต่ก็รั้วเดียวกัน”

พ่อผมใช้ชีวิตแบบสุขสบายมาตั้งแต่ อายุ 40 (แต่ก่อนหน้านี้พ่อลำบาก) ตอนนี้อายุ 65 แม่ทำงานหนักคนเดียวมาตลอด ซึ่งพ่อจะอ้างกับแม่ด้วยเหตุผลหนึ่งคือไปเล่นไพ่ เพื่อออกจากบ้านทุก ๆ วัน เที่ยงบ้าง บ่ายบ้าง กลับดึก 4 ทุ่ม-03.00 น.

จนกระทั่งผมเรียนจบและลาออกจากงานเพื่อมาเริ่มเปิดกิจการส่วนตัว โดยประกอบธุรกิจใหม่โดยใช้เงินทุนของพ่อและแม่ ซึ่งผมเป็นผู้บริหารเอง และก็แต่งงาน

พ่อกับแม่ขายธุรกิจเก่าทิ้ง แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันกับผมเป็นบ้านหลังใหญ่ โดยเอาเงินมาลงทุนให้ผมขยายกิจการต่อ แม่ผมพอย้ายมาอยู่กับผม แกก็มาช่วยผมทำงานด้วย แต่พ่อก็นิสัยเดิม หนีไปเที่ยวทุกวันแต่ก็กลับมาบ้านทุกวัน เปิดไปได้สักพัก น้องชายน้องสาวแท้ ๆ ของผมก็ออกจากงานประจำมา โดยใช้เงินที่ได้จากการประกอบธุรกิจขยายกิจการใหม่ ๆ ให้น้องชายกับน้องสาว

จนวันหนึ่งผม แฟนผม น้องสาว รู้ว่าพ่อไปมีเมียน้อยและมีลูกด้วยกัน เราสามคนตกลงกันว่าจะไม่บอกแม่ เพราะว่าแม่รักพ่อมากกลัวทำใจไม่ได้ เราก็อยู่ด้วยกันด้วยดีมาตลอด ซึ่งพ่อผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ โดยส่วนตัวพ่อผมเป็นพ่อที่ใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เคยดุลูก ซึ่งทุกคนก็รักพ่อครับ เพราะผมและน้องสาวมองว่า พ่อยังมีลิมิตในการเลี้ยงแม่น้อยอยู่ คือไม่ได้ประเคนไปให้ทางนั้นเยอะ และบ้านผมไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง อีกอย่างฝั่งนั้นก็ไม่มายุ่งเกี่ยวกับทางนี้

เล่ากิจวัตรภรรยาผมก่อนนะครับ ปกติภรรยาผม จะเข้านอนแต่หัวค่ำ ตื่นมาตอนตีสาม ทุก ๆ วัน ส่วนพ่อผมกลับบ้านไม่เป็นเวลา แต่ทุก ๆ วันคือ ต้องเที่ยงคืนเป็นต้นไปถึงจะกลับ แต่ช่วงหลังกลับมาช่วงภรรยาผมตื่น ซึ่งผมไม่ได้สงสัยอะไร

แต่เมื่อสามวันที่ผ่าน ภรรยาผมมาปรึกษาผมว่า
เหตุการณ์วันที่ 1 โดนพ่อผมขอกอด ซึ่งตอนแรกภรรยาคิดว่าพ่อผมเป็นอะไรจึงเข้าไปกอดเบา ๆ พร้อมตบหลังว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่พ่อผมรั้งตัวภรรยาผมไว้ พร้อมบอกว่าขอกอดทุกวันได้หรือเปล่า แล้วอย่าบอกผมนะ ภรรยาผมก็ตอบปฏิเสธไป

เหตุการณ์วันที่ 2 แกล้งให้แฟนผมพยุงตัวขึ้นจากการนั่งแล้วสวมกอด ครั้งนี้กอดแน่น แล้วพยายามจะจูบปาก แต่ภรรยาผมหันหน้าหนี แล้วปากไปโดนแก้มแทน พร้อมบอกว่าไม่ดี เหตุการณ์วันที่ 2 นี้ภรรยาผมหนีพร้อมนำเรื่องมาปรึกษาผม ซึ่งผมเข้าใจว่าเขาทำตัวไม่ถูก แล้วก็ซื่อมาก

เหตุการณ์วันที่ 3 วันนี้ภรรยาผมกับพ่อเจอกันตอนดึกตามปกติ แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร เหมือนพ่อจะรู้ตัวว่าภรรยาผมไม่เล่นด้วย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังไงต่อ เพราะเจอหน้ากันก็ยิ้มทักทายกันปกติเสมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

วันที่ผมมาโพสต์นี่ คือวันที่ 4 ครับ ซึ่งตอนนี้ผมเสียความรู้สึกไปแล้ว ผมคิดว่าขนาดเรื่องใหญ่อย่างมีเมียน้อยผมยังปล่อยวางได้เลย เพราะผมสงสารแม่ผมมาก แม่ผมรักพ่อมากกลัวแกจะหมดกำลังใจผมกับน้องเลยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแก ผมไม่ได้โกรธพ่อเรื่องหึงหวง แต่โกรธเรื่องจะตัณหากลับไปไหน อะไรดลใจให้ทำแบบนั้น โตแล้วคิดไม่ได้เหรอ

ผมคิดไม่ตกจริง ๆ ว่า พ่อที่น่ารักทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเมียน้อยไว้นะครับ แล้วผมควรจัดการยังไงกับปัญหานี้ดี ตอนนี้มีแค่ผมกับภรรยาที่รู้เรื่องนี้ 

ขอคำแนะนำหน่อยนะครับ อารมณ์ตอนนี้ของผมคือไม่เข้าใจพ่อผมเลยจริง ๆ เมียน้อยก็มีแล้ว ยังจะเอาภรรยาลูกอีกเหรอ ถึงเหตุการณ์จะยังไม่บานปลายก็เถอะ แต่มันส่อไปทางนั้นมาก

ผมควรบอกน้องสาวไหม เพราะน้องสาวก็รู้เรื่องพ่อมีเมียน้อยอยู่แล้วและเป็นการเตือนน้องสาวด้วย แต่ผมคิดว่าพ่อคงไม่อะไรกับน้องสาว ถ้าบอกน้องสาวผมน้องสาวต้องเปลี่ยนไปแน่ ๆ แล้วพ่อผมก็ต้องรู้ตัวว่าเกิดจากเหตุการณ์ไหน ซึ่งพอเป็นอย่างนั้นเลย ผมก็คาดการณ์ไม่ออกว่าอนาคตจะจบอย่างไร ผมสงสารแม่ผมด้วย สงสารพ่อผมด้วย หรือควรเลือกที่จะปล่อยเพื่อดูสถานการณ์ไปก่อนพ่อยังทำอีกก็ควรจัดการขั้นเด็ดขาด หรือไม่ต้องดูอะไรแล้วจัดการไปเลย สถานการณ์ตอนนี้มันกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกสำหรับผม จริง ๆ ครับ

สำหรับผมตอนนี้ผมไม่นับถือพ่อแล้วครับ ไม่อยากคุยด้วย พ่อเคยเป็นพ่อที่น่ารักสำหรับผมมากจนกระทั่งภรรยาผมนำเรื่องมาปรึกษา ป.ล. ผมเชื่อภรรยาผม 100% เพราะอยู่ด้วยกันมานานแล้ว ผมรู้นิสัยภรรยาผมดีครับ ส่วนเรื่องเมียน้อยผมไม่รู้ว่าเขารักพ่อผมหรือเปล่า รู้แต่ว่าตอนแรกเข้าหาพ่อผมเพราะพ่อผมมีฐานะ

อย่างไรก็ตามเมื่อโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ซึ่งทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมาก ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นประเด็นนี้ โดยเสียงส่วนใหญ่แนะนำว่าให้พูดกับพ่อตรง ๆ ว่า เราทราบถึงการกระทำของพ่อทุกอย่าง แต่หากไม่สามารถเตือนอะไรได้ ก็ให้แยกบ้านอยู่จะดีที่สุด และก็บอกแม่ให้รับรู้ปัญหาภายในบ้านด้วย ถึงแม้ว่าช่วงแรกอาจจะมีทะเลาะและไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี มากกว่าเก็บความลับแค่ 2 ผัวเมีย และพ่อก็จะกระทำแบบเดิมเรื่อย ๆ คนที่เจ็บปวดและเครียดที่สุดอาจจะเป็นภรรยา

ทั้งนี้ ความเห็นชาวเน็ตบางกลุ่มก็มองว่า ฝ่ายชายควรหาโอกาสคุยกับพ่อส่วนตัว และบอกให้ปรับปรุงไม่งั้นจะบอกแม่ และจะขอแยกกันอยู่ เพราะการเปิดอกคุยแบบลูกผู้ชายน่าจะดีกว่า บอกทุกเรื่องให้คนในบ้านรู้ ปัญหาอาจจะใหญ่และทะเลาะกันเอง อยู่อย่างไม่มีความสุขอีกด้วย…

คลิก : เพื่อดูต้นโพสต์