ช่วงนี้เห็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ( ป.ป.ช.) มีงานออกมาค่อนข้างบ่อย เป็นงานด้าน “ป้องกัน” หรือส่งเสริมเรื่องแก้ปัญหาทุจริต ด้วยวิธีใดก็ตาม สร้างค่านิยม บรรจุในแบบเรียนการศึกษา หรือกระทั่งการทำดัชนีชี้วัดหน่วยงานที่มีความโปร่งใส และหวังว่าหน่วยงานต่างๆ จะเข้าสู่การประเมินมากขึ้น
งาน “ป้องกัน” ที่ฮือฮาที่สุดดันเป็นแคมเปญ “พูดหยุดโกง” ซะนี่ ฮือฮาในด้านออกมาแล้วพัง เอาเหล่าดารา คนดังมาโพสต์เรื่องการมีวินัย การป้องกันโกง ฯลฯ ปรากฏว่าถูกแฉว่าใช้งบมากเกินจำเป็นหรือไม่ แล้วงบจากไหน ? จนดาราที่ร่วมแคมเปญบางคนประกาศคืนเงิน แล้วโครงการนี้ก็เงียบไป จากนี้เป็นไงก็ไปเฉ่งกันเอง
ป.ป.ช.ในยุค “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน ก็ยังมีความ “ปัง” ออกมาเรื่อยๆ ให้คนวิจารณ์กันขรม ที่ “ปังนาน” คือเรื่องการสอบ “นาฬิกาเพื่อน” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นั่นแหละ ที่ “บิ๊กกุ้ย” ไม่ร่วมมีมติด้วยเพราะเกรงข้อครหาเนื่องจากถูกมองว่าเป็นคนใกล้ชิด “บิ๊กป้อม” มาก่อน
ผลสอบก็ออกมาแบบไม่เหนือความคาดหมายทุกคนเท่าไรหรอก เพราะก่อนหน้านี้ก็โยนหินถามทางมาแล้วว่า นาฬิกาเพื่อน พอมีสื่อจะขอรายงานการประชุมก็ปิด ส่งกระดาษเปล่าให้ จนสำนักข่าว matter เขาต้องยื่นศาลปกครองให้เปิดเผยข้อมูล และศาลปกครองมีคำสั่งให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลแล้ว ว่าการสอบเป็นอย่างไร
ปรากฏว่า นายนิวัติไชย เกษมมงคล โฆษก ป.ป.ช. ก็ยังบอกว่า “มีขั้นตอน” ต้องรอดูคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ และให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาว่า จะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้แค่ไหน ถ้าเป็นข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวกับสำนวนในคดีโดยตรง คงเปิดไม่ได้ ถ้าเปิดเผยไปแล้ว จะรู้ว่า มีพยานคนใดบ้าง ให้การอย่างไร อาจเกิดการไปฟ้องร้องตามมา
หรือถ้าเป็นข้อมูลที่เปิดไปแล้วไปกระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล กฎหมาย ป.ป.ช.ก็ไม่ให้เปิดเผย รวมถึงถ้าเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่า ป.ป.ช.จะปกปิดไม่เปิดเผย แต่ต้องรอคำพิพากษาก่อน แล้ว ป.ป.ช.จะพิจารณาอีกครั้ง… ซึ่งก็น่าสนใจว่า “คำให้การลักษณะไหนที่เปิดแล้วจะโดนฟ้อง” อันนี้ก็ไปคิดเอง
ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องที่มีการขอให้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ซึ่งสื่อก็ไปยื่นต่อคณะกรรมการวินิจฉัยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ให้เปิดเผยอีกนั่นแหละ กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกฯ จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถ้าเพื่อความโปร่งใสก็ควรเปิดเผย เพื่อการตรวจสอบการเพิ่มหรือลดของทรัพย์สิน
ปรากฏว่า ป.ป.ช.อ้างการเก็บข้อมูลตรงนั้นเก็บไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการเปิดเผย เนื่องจากมีเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากกฎหมายลูก ที่กรณีรับตำแหน่งเดิมต่อเนื่องก็ไม่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของกฎหมายลูก
ไหนๆ รัฐบาลก็ประกาศวาระปฏิรูปกฎหมาย มี “กิโยตินกฎหมาย” ที่จะจัดการกับกฎหมายพวกที่ทำให้เกิดความยุ่งยากในการใช้ชีวิต การติดต่อราชการ หรือความโปร่งใสอะไรต่างๆ ก็ลองมาดูกฎหมาย ป.ป.ช.บ้างก็ดี เผื่อว่า จะใช้ “กิโยตินกฎหมาย” จัดการเพื่อให้เปิดเผยข้อมูลได้ โปร่งใสในฐานะเป็นองค์กรอิสระได้มากขึ้น
ก็ลองตรองดูกันเองเถิดว่า อะไรที่กระทบกับ คสช.นั้น ดูเหมือนจะดำเนินการยุ่งยากหรือไม่? มันน่าสนใจว่า ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้ยกร่างฉบับใหม่ได้ หากต้องยกร่างกฎหมายลูกเรื่อง ป.ป.ช.น่าจะแก้กันหลายจุดอยู่ ..หลายเรื่องกฎหมาย ป.ป.ช.ก็ดีเช่นกำหนดเรื่องระยะเวลาในการทำคดี ไม่นับเวลาหากผู้ต้องหาหนีคดี
แต่ก็รู้สึกว่า น่าจะ “เพิ่มเติม” อะไรเพื่อสร้างความโปร่งใสได้อีก.