เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ขนส่งสินค้า และรถไฟทางคู่ภาคอีสาน ในพื้นที่ จ.อุดรธานี-หนองคาย-หนองบัวลำภู ประกอบด้วย พื้นที่ย่านสถานีหนองตะไก้ สถานีนาทา สถานีหนองคาย สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างเชื่อมทางรถไฟ จากสถานีหนองตะไก้ เข้าสู่พื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี รวมทั้งแผนพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment Yard) สถานีนาทา และแผนพัฒนาย่านสถานีหนองคาย ที่จะเชื่อมไปยังสถานีท่านาแล้งและเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) รองรับการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์ผ่านแดนระหว่างไทย-ลาว-จีน 

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อต้องการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Win ของรัฐบาลในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศ ให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งและการค้าของไทย-ลาว-จีน ได้อย่างสะดวก ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติสก์ และเศรษฐกิจภูมิภาคในอนาคต ทั้งนี้ได้มีการรับฟังการบรรยายโครงการก่อสร้างทางรถไฟ เพื่อใช้เป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า จากสถานีรถไฟหนองตะไก้ เข้าสู่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ระยะทาง 3.7 กิโลเมตร (กม.) โดยโครงการนี้จะช่วยเสริมศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างมาก ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.66 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ค.67 

นอกจากนี้ได้เดินทางโดยขบวนรถไฟไปที่สถานีนาทา ผ่านจุดตัดบริเวณทางแยกบ้านจั่น ซึ่งเป็นแนวเส้นทางก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย โดยได้มอบนโยบายให้ รฟท. แก้ไขปัญหาบริเวณจุดตัดทางรถไฟ กับ ทล. 216 บริเวณแยกบ้านจั่น โดยปรับรูปแบบการสร้างรถไฟทางคู่ช่วงดังกล่าว เป็นทางยกระดับข้ามจุดตัดทางหลวง 216 อยู่ในระดับที่ 2 รองจากรถไฟความเร็วสูง พร้อมกับคงทางรถไฟทางเดี่ยวระดับพื้นดิน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และแก้ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางรถยนต์-รถไฟ ให้กับพี่น้องประชาชน

ในโอกาสนี้ยังได้รับฟังบรรยายโครงการพัฒนาย่านสถานี และศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา และย่านกองเก็บตู้สินค้า ขนาดเนื้อที่ 379 ไร่ ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยขยายขีดความสามารถทางการขนส่งของจังหวัดหนองคาย ให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ระหว่างประเทศไทย-ลาว-จีน  โดยขณะนี้ รฟท. ได้ให้ที่ปรึกษาโครงการ ดำเนินการทบทวนรูปแบบการร่วมลงทุนให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ก่อสร้างไปพร้อมกับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย โดยจะใช้กรอบวงเงินของโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 มูลค่าการร่วมลงทุน 7,212 ล้านบาท ล่าสุดโครงการฯอยู่ระหว่างการเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. พิจารณา จากนั้นจะเสนอ รมว.คมนาคม ตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ก่อนเสนอคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนเห็นชอบหลักการ และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินโครงการร่วมลงทุน และคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการในปี 71

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันยังได้เดินทางไปยังบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ ซึ่งฝ่ายไทย และ สปป.ลาว จะร่วมลงทุนก่อสร้างร่วมกันในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย ซึ่งขณะนี้ รฟท. อยู่ระหว่างการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาดำเนินการออกแบบรายละเอียดโครงการ มีกรอบระยะเวลาดำเนินการประมาณ 12 เดือน พร้อมกันนี้ยังได้รับฟังบรรยายความคืบหน้าโครงการลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ซึ่งล่าสุด ครม.อนุมัติ รฟท. ดำเนินการก่อสร้างโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 16 ต.ค.66 และมีกำหนดเวลาดำเนินการในเดือน พ.ค.67 ระยะเวลาดำเนินการ 36 เดือน คาดจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ค. 70 

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงรายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) และอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติโครงการคาดว่าเปิดให้บริการปี 72 อย่างไรก็ตามการพัฒนาโครงการระบบโลจิสติกส์ และรถไฟทางคู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของไทยให้มีความสะดวก รวดเร็ว  ส่งเสริมการเติบโตทางการท่องเที่ยว การค้าระหว่างประเทศ การค้าชายแดน การค้าผ่านแดนให้ขยายตัวได้อย่างมั่นคงเกิดการกระจายรายได้ ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ตลอดแนวเส้นทาง และขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งคมนาคมของภูมิภาคได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล.