เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ภายหลังจากศาลจังหวัดมุกดาหาร ตัดสินคดี นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล จำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 คือ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ศาลยกฟ้อง

อีกหนึ่งจุดที่มีการกล่าวถึงที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อครั้ง ลุงพล กับ ป้าแต๋น พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องทางคดีน้องชมพู่ เดินทางมาที่วัดหงษ์ หรือวัดพระเจ้าใหญ่ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดศีรษะแรด” เมื่อวันที่ 1 ส.ค.63 ชาวบ้านและเอฟซีลุงพล-ป้าแต๋น ที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก การเดินทางมาครั้งนั้นคณะกรรมการวัดและผู้เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมจัดพิธีสาบาน เนื่องจากมีการประสานมาเบื้องต้นว่าจะมาสาบานว่า “ไม่ได้ทำให้น้องชมพู่เสียชีวิต”

นายภูวนาท อิทธิมานะ อายุ 62 ปี ไวยาวัจกรวัดหงษ์ กล่าวว่า วัดแห่งนี้จะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปถือเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านจะมีความเชื่อด้านการขอพร การสาบาน เช่น สาบานจะเลิกเหล้า เลิกยาเสพติด รวมถึงการขอมีบุตร คนใน จ.บุรีรัมย์และจังหวัดอื่นๆ ต่างเดินทางมาไม่ขาดสาย แต่ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์จะมาขอพร

ด้านพระเบิกฤกษ์ ฐานุตตโร หัวหน้าคณะสงฆ์วัดหงษ์พระเจ้าใหญ่ กล่าวว่า วันนั้นที่ลุงพลกับภรรยาเดินทางมากำลังเตรียมพิธีสาบานให้ แต่เมื่อลุงพลมาถึงไม่นานก็เปลี่ยนใจมาเป็นขอพรแทน ทางวัดก็ทำตาม ส่วนข้อเท็จจริงว่าลุงพลจะทำน้องชมพู่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ รู้เพียงว่า “บาปกรรมมีจริง” ใครทำอะไรไว้ก็มักจะถูกกรรมตามสนองเสมอ